รถไฟฟ้าสายสีทอง ขบวนแรกถึงไทยแล้ว เฉลยปริศนาทำไมต้องไร้คนขับ-ใช้ล้อยาง?

รถไฟฟ้าสายสีทอง ขบวนแรกถึงไทยแล้ว เฉลยปริศนาทำไมต้องไร้คนขับ-ใช้ล้อยาง?

รถไฟฟ้าสายสีทอง ขบวนแรกถึงไทยแล้ว เฉลยปริศนาทำไมต้องไร้คนขับ-ใช้ล้อยาง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รถไฟฟ้าสายสีทอง ขบวนแรกถึงไทยแล้ว ขณะที่ สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ไขข้อข้องใจว่าเพราะเหตุใดรถไฟฟ้าสายสีทองจึงต้องเป็นแบบไร้คนขับและใช้ล้อยาง

วันนี้ (18 มิ.ย.) เวลา 10.30 น. รถไฟฟ้าสายสีทอง รุ่น Bombardier Innovia APM 300 ขบวนแรกของประเทศไทย ได้เดินทางมาถึง ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เป็นที่เรียบร้อย โดยมีนายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) และนายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับขบวนรถไฟฟ้า ณ ท่าเรือ เอ 2 ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

นายมานิต เตชอภิโชค กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรองที่กรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งแบ่งดำเนินการในระยะที่ 1 มีจำนวน 3 สถานี คือ สถานีกรุงธนบุรี สถานีเจริญนคร และสถานีคลองสาน ระยะทาง 1.80 กิโลเมตร เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีที่มีการพัฒนาเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ขณะนี้มีความก้าวหน้าในภาพรวม 89% โดยในส่วนของการก่อสร้างงานโยธา คืบหน้า 94.42% ส่วนงานระบบเดินรถ คืบหน้า 81% เนื่องจากมีอุปกรณ์ที่ต้องสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศเกิดความล่าช้าจากผลกระทบโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา แต่ขณะนี้สถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลายจึงสามารถเดินหน้างานในการทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้สามารถเปิดเดินรถได้ภายในปี 2563 โดยยังคงเป้าหมายเดิมคือในเดือนตุลาคมนี้ โดยอัตราค่าโดยสารตามที่ศึกษาไว้คือ จัดเก็บที่ 15 บาทตลอดสาย คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร ในปีแรกที่เปิดให้บริการ ที่ 42,260 เที่ยว-คน/วัน

นายมานิต กล่าวต่อว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง ถือเป็น Feeder (ระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง) ที่ใช้รูปแบบรถที่มีขนาดกะทัดรัด โดยเลือกใช้รถไฟฟ้า AGT หรือ APM (ระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งมีความเหมาะสมกับพื้นที่และเป็น Feeder (ระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง) ที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนในทุกโหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบรางสายหลักของรถไฟฟ้าสายสีเขียวโดยเชื่อมต่อกันที่สถานีกรุงธนบุรี ผู้โดยสารที่ใช้บัตรแรบบิทสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีทองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

นอกจากนี้ รถไฟฟ้าสายสีทองยังเชื่อมต่อกับรถโดยสารประจำทางในพื้นที่ย่านคลองสานรวมทั้งเชื่อมต่อการเดินทางในเส้นทางเดินเรือแม่น้ำเจ้าพระยา และในอนาคตยังเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-บางบอน-ราษฎร์บูรณะ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ อีกด้วย ทั้งนี้ โครงการนี้ไม่มีการใช้งบประมาณจากทางราชการ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่รัฐ มีลักษณะคล้ายกับการดำเนินการระบบขนส่งมวลชนบางเส้นทางในประเทศญี่ปุ่น

นายสุมิตร ศรีสันติธรรม กล่าวว่า ในนามบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้รับว่าจ้างในการจัดหาขบวนรถ รวมถึงการเดินรถ และซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 30 ปี จากบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด โดยรถไฟฟ้าที่รับมอบในครั้งนี้ เป็นรถไฟฟ้ารุ่น Bombardier Innovia APM 300 ผลิตที่เมืองอู่หู มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเมื่อขบวนรถไฟฟ้าเดินทางมาถึงประเทศไทย บริษัทฯ จะนำขบวนรถไฟฟ้าไปยังโรงจอดและศูนย์ซ่อมบำรุงที่สถานีกรุงธนบุรี สำหรับรถไฟฟ้ารุ่นดังกล่าว มีความพิเศษคือ เป็นรถไฟฟ้ารูปแบบไร้คนขับ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยใช้รางนำทาง สามารถจุผู้โดยสาร 138 คน/ตู้ และ1 ขบวนสามารถจุผู้โดยสาร 276 คน/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 4,200 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง รถไฟฟ้ามีความกว้าง 2.8 เมตร ความยาว 12.75 เมตร ความสูง 3.5 เมตร ประตูมีความกว้าง 1.9 เมตร ความสูงของพื้นรถ 1.1 เมตร น้ำหนัก 16,300 กิโลกรัม ก่อให้เกิดเสียงรบกวนต่ำ ความเร็วการทำงานสูงสุดที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉินระบบจะทำการหยุดรถอัตโนมัติ และมีรถมารับผู้โดยสารทันที

นายสุมิตร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ขบวนรถไฟฟ้าที่บริษัทฯ ได้รับมอบแล้วจำนวน 1 ขบวน เหลืออีก 2 ขบวนที่จะทยอยเดินทางมาภายในเดือนสิงหาคมนี้ สำหรับขบวนรถที่ใช้ในระบบรถไฟฟ้าสายสีทองนั้นมีทั้งหมด 3 ขบวน ขบวนละ 2 ตู้ ใช้รับส่งผู้โดยสารจำนวน 2 ขบวน และสำรองไว้ในระบบ 1 ขบวน สำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทองถือเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญ โดยเส้นทางจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ไอคอนสยาม ล้ง 1919 เป็นต้น ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าสู่สถานที่สำคัญของกรุงเทพมหานครได้ดียิ่งขึ้น

ขณะที่ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กไขข้อข้องใจว่าเพราะอะไรรถไฟฟ้าสายสีทองจึงต้องไร้คนขับและใช้ล้อยาง โดยระบุว่า

"มาแล้ว! รถไฟฟ้าสายสีทอง ทำไมต้องไร้คนขับ-ใช้ล้อยาง?

รถไฟฟ้าสายสีทองขบวนแรกถูกส่งมาถึงไทยโดยเรือสัญชาติปานามาชื่อ Seacon Victory ขนขบวนรถไฟฟ้ามาจากท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 แวะส่งสินค้าอื่นที่ท่าเรือไฮฟอง ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2563 ออกจากท่าเรือไฮฟองเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 มุ่งตรงมาถึงท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 เวลา 22.00 น. (เร็วกว่ากำหนดการที่ระบุว่าจะมาถึงในวันที่ 16 มิถุนายน 2563 เวลา 03.00 น.)

บนถนนกรุงธนบุรีและถนนเจริญนครที่มีรถไฟฟ้าสายสีทองระยะที่ 1 วิ่งผ่าน มีรถไฟฟ้า 2 แบบ ที่เหมาะสมคือ APM และ Monorail ทั้ง 2 แบบดังกล่าวไร้คนขับและใช้ล้อยาง แต่ทำไม APM จึงถูกเลือก? แล้ว APM สายสีทองกับ APM ในสนามบินสุวรรณภูมิต่างกันอย่างไร?

APM (Automated People Mover) หรือรถไฟฟ้าไร้คนขับ ใช้ล้อยางวิ่งบนพื้นคอนกรีตโดยมีรางเหล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวาเพื่อช่วยนำทาง เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก APM เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มาก โดยเฉพาะในสนามบินเพื่อขนผู้โดยสารเครื่องบินไปมาระหว่างเทอร์มินัลกับเทอร์มินัล หรือระหว่างเทอร์มินัลกับอาคารเทียบเครื่องบินรอง (อาคารรอขึ้นเครื่องบิน) ดังเช่นที่กำลังจะใช้ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขนผู้โดยสารเครื่องบินระหว่างเทอร์มินัล 1 กับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1

Monorail หรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยว ไม่ใช้คนขับเช่นเดียวกับ APM ใช้ล้อยางวิ่งบนรางคอนกรีตหรือรางเหล็กเพียงรางเดียว เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก Monorail เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มากเช่นเดียวกัน แต่มักนิยมใช้ขนผู้โดยสารไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าขนาดหนักที่สามารถขนผู้โดยสารได้มากกว่า พูดได้ว่าใช้ Monorail สำหรับรถไฟฟ้าสายรองเพื่อขนผู้โดยสารไปป้อนให้รถไฟฟ้าสายหลัก ดังเช่นรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งเป็น Monorail ที่กำลังก่อสร้างเพื่อขนผู้โดยสารริมถนนลาดพร้าวไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT) ที่สถานีรัชดาภิเษก

อ่านข้อความข้างบนแล้ว หลายคนคงคิดว่า Monorail น่าจะเหมาะสมกับรถไฟฟ้าสายสีทอง เพราะเป็นรถไฟฟ้าสายรองที่จะขนผู้โดยสารไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าสายหลักคือ BTS ที่สถานีกรุงธนบุรี แต่อย่างไรก็ตาม APM ได้รับเลือกแทน Monorail เนื่องจากมีต้นทุนถูกกว่า ทั้งเงินลงทุนซื้อขบวนรถไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการเดินรถและบำรุงรักษา

หลายคนคงอยากรู้ว่าทั้ง APM และ Monorail ซึ่งไม่ใช้คนขับจะปลอดภัยหรือไม่ และจะดีอย่างไร ขอตอบว่า การไม่ใช้คนขับ แต่ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติจะช่วยลดข้อผิดพลาด หรือข้อบกพร่องที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ (Human Error) ได้ ทำให้มีความปลอดภัยสูง แต่การไม่ใช้คนขับจะทำให้ต้องลงทุนงานระบบควบคุมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวจะช่วยทำให้ค่าใช้จ่ายในการประกอบการเดินรถถูกลง

ทั้ง APM และ Monorail ใช้ล้อยาง ไม่ใช่ล้อเหล็ก เพื่อลดเสียงดังและการสั่นสะเทือนที่สร้างความรำคาญต่อผู้อยู่อาศัยริมทาง มีความนุ่มนวลในการขับขี่ดีกว่า และช่วยให้สามารถเร่งความเร็วหรือเบรกได้อย่างรวดเร็วในระยะทางสั้นๆ ทำให้ขบวนรถไฟฟ้าสามารถวิ่งต่อเนื่องใกล้ๆ กันได้

APM สายสีทองต่างกับ APM ในสนามบินสุวรรณภูมิอย่างไร?

APM สายสีทอง วิ่งบนทางยกระดับสูงประมาณ 14-17 เมตร ระยะทาง 1.8 กิโลเมตร รุ่น Bombardier Innovia APM 300 เป็นของแคนาดา แต่ผลิตในจีน ใน 1 ขบวนมี 2 ตู้ ความจุ 137 คน/ตู้ (นั่ง 19 คน ยืน 118 คน) ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลี้ยววงแคบด้วยรัศมีวงเลี้ยว 22 เมตร ไต่ทางลาดชันได้ 10% ราคารถไฟฟ้าประมาณ 200 ล้านบาท/ขบวน

APM ในสนามบินสุวรรณภูมิ วิ่งในอุโมงค์ใต้ดินยาวประมาณ 1 กิโลเมตร รุ่น Siemens Airval เป็นของเยอรมนี แต่ผลิตในออสเตรีย ใน 1 ขบวนมี 2 ตู้ ความจุ 105 คน/ตู้ (นั่ง 8 คน ยืน 97 คน) ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลี้ยววงแคบด้วยรัศมีวงเลี้ยว 30 เมตร ไต่ทางลาดชันได้ 10-12% ราคารถไฟฟ้า 248 ล้านบาท/ขบวน

จะเห็นได้ว่า APM สายสีทอง และ APM ในสนามบินสุวรรณภูมิ มีขีดความสามารถใกล้เคียงกัน

จากนี้ไปจึงต้องติดตามดูกันว่า APM จะช่วยสร้างสีสันให้ระบบรถไฟฟ้าในเมืองไทยได้มากน้อยแค่ไหน"

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ รถไฟฟ้าสายสีทอง ขบวนแรกถึงไทยแล้ว เฉลยปริศนาทำไมต้องไร้คนขับ-ใช้ล้อยาง?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook