โซเชียลแฉสาว 17 โพสต์ขอเงินตามหาย่า ที่แท้ย่าหนีไปเอง ทนไม่ไหวถูกหลานทำร้าย
เด็กสาว 17 โพสต์ขอเงินบริจาคเพื่อตามหาย่าที่หายตัวไป ที่แท้ย่าหนีไปเองเพราะถูกหลานสาวทำร้ายประจำ
(18 มิ.ย.63) กลายเป็นประเด็นที่กำลังถูกพูดถึงในโลกโซเชียล หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความ “ฝากเตือนหน่อยนะค่ะ ฝากคนที่รู้จักน้องหรือสนิทกับน้องเค้าหน่อยค่ะ ว่าการที่เอาเรื่องย่าหายตัวไปมาเรียกร้องให้คนอื่นช่วยโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองมันไม่ถูกต้อง แล้วทักไปขอเงินคนอื่นไปทั่ว ไม่ใช่แค่1-2คน บอกว่าเคลียร์เรื่องงาน แต่การกระทำของเค้ามันไม่ใช่ บอกไม่มีงานทำ เราก็เคยแนะนำให้ไปครั้งนึง วันนี้บอกเค้าให้เงินน้อย ใช่ค่ะ ร้านที่เคยไปทำไม่ได้อยู่ในเมือง บางวันมีลูกค้าบ้างไม่มีบ้าง ไม่ใช่ว่าไม่ให้เลย ร้านอาหารคาราโอเกะนะคะ เค้ารับคนหุ่นดี สวย นี่น้องสภาพไหนคะ ไปสมัครเค้ารับไว้ก็ดีแค่ไหนแล้ว จะไปทำงาน ความพยายามตัวเองไม่มี ขอให้คนอื่นเค้าไปรับส่ง มันไม่ใช่เรื่อง
ทำตัวน่าสงสารแค่ไหน ผู้ใหญ่ทักไปตักเตือนยังบล็อกหนี บอกมีตัง 740 บาท ถ้าคนคิดได้หาทำอะไรขายหาตังเพิ่มไปแล้ว อายุไม่ถึง 18 อ้างนั่นอ้างนี่ เห็นเด็กอายุ 12-13 หาเลี้ยงตายายมั้ย มึงเห็นคนไม่มีแขนขาวาดรูปมั้ย นี่มึงมีมึงคิดสิ ย่าหายไป แต่มึงโพสต์อยากเย็_กับคนอื่นไปทั่วหลังจากย่ามึงหาย กูคนนึงแหละที่ไม่เชื่อว่าย่ามึงหาย โพสต์ตามหาย่า แต่ขอให้เค้าบริจาคเงินให้มึง มึงคิดอะไรอยู่ เวลาไปทำงานก็เอาเงินที่ได้จากทำงานไปเลี้ยงผู้ชาย คิดไรอยู่ถามจริง? ฝากคนที่รู้จักน้องเค้าช่วยแชร์ หรือแคปไปบอกน้องเค้าทีนะคะ
#เฟซน้องน้องจะโพสอะไรก็ได้ #แต่ไม่มีสิทธ์ไปขอเงินคนอื่นไปทั่ว หัดยืนด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่อ้างไปทั่ว ร้อยพันแปด #ฝากเตือนคนที่โอนเงินช่วยน้องนะคะระวังจะโดนหลอก #โปรดตรวจเช็คก่อนนะคะถ้าสมควรอยากช่วยก็ตามใจค่ะไม่ว่ากัน #ประเด็นน้องที่ทำร้ายยายนะคะ ทีแรกอ่ะคือจะเข้าไปถามเรื่องที่น้องเขาจะให้ช่วยตามหายายเลยไปหาน้องที่บ้านเพื่อที่จะไปถามว่ายายหายไปยังไง จะต้องช่วยแบบไหน แล้วมารู้ทักหลังว่าที่ยายหายไปคือยายหนีน้องไป ยายโดนน้องทำร้าย เลยจะหาวิธีช่วยยายค่ะ #ถ้าเกิดสิ่งที่กิ๊ฟทำไปกระทบใครก็กราบขอโทษด้วยนะคะ แค่อยากจะออกมาเตือนทุกคนว่าอย่าหลงไปเชื่อแล้วโอนเงินมาให้น้องเขาค่ะ ไม่อยากให้ทุกคนโดนหลอกค่ะ"
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปยัง นายสมนึก ศรีจันทร์ อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.วังขมภู อ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อสอบถามถึงประวัติโดยส่วนตัวของนางสาวเนย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เด็กที่ถูกกล่าวหาว่า โพสต์ข้อความหลอกลวง ทำให้ทราบว่า น้องเนย เคยมีกรณีหลอกลวงต้มตุ๋น 2-3 ราย โดยมีผู้เสียหายมาจากต่างจังหวัด แจ้งว่าถูกหลอกขายโทรศัพท์ จนผู้เสียหายเดินทางมาติดตามถึงบ้าน ส่วนตัวมองว่าน้องเนย น่าจะมีปัญหาทางจิต
จากการสอบถาม นายอ่อนตา แก้วทุม อายุ 65 ปี ประธาน อสม.ชุมชน 5 เทศบาลตำบลชมพู เล่าว่า เรื่องที่น้องเนย ลงมือทำร้ายร่างกายผู้เป็นย่าเอง โดยตนเองเป็นคนให้มารับย่าไปพักบ้านคนรู้จัก เรื่องที่ทะเลาะวิวาทก็มาจากเรื่องเงินเรื่องทอง เอาเงินผู้สูงอายุของย่าไปใช้จนหมด ตนเองเคยช่วยเหลือมาตลอด จนทุกวันนี้ไม่อยากจะยุ่งแล้ว ส่วนการลงมือทำร้ายย่า คือจะใช้มือทุบตี จนย่าอยู่ไม่ได้เพราะเกรงจะถูกทำร้ายร่างกายจนตาย ตนจึงต้องให้เพื่อนมารับย่าไปพักที่บ้านคนรู้จัก ซึ่งอยู่ห่างออกไป และเรื่องที่น้องเนยเคยทำร้ายย่าจนสลบ ก็เป็นเรื่องจริงอีกด้วย
สอบถาม น้องเนย อายุ 17 ปี เปิดเผยว่า ตนเองตนเองเป็นคนโพสต์เพื่อขอเงินผ่านทางเฟรสบุ๊คจริง และยอมรับว่าเคยทะเลาะกับย่า แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายอะไรมาก ส่วนใหญ่เวลาตัวเองกลับมาถึงบ้านอากาศร้อนๆ ย่ามักจะถามนั่นถามนี่ ทำให้ตนรู้สึกโมโห จึงมีการผลักย่าล้มลงบ้าง ก็เท่านั้น
ขณะที่ นายหลอ อายุ 61 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า เคยเห็นนางสาวเนยทะเลาะกับผู้เป็นย่าอยู่เป็นประจำ แล้วแต่เวลา บางครั้งก็ทะเลาะกันธรรมดา บางครั้งก็มีการลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายย่าก็มี
ทางด้าน นางสาวอารีวัลย์ อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นผู้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ตนเองต้องการแค่โพสต์เตือน คนอื่นว่า ย่าไม่ได้หายไป แต่ย่าหนีน้องเพราะถูกทำร้ายร่างกาย จึงโพสต์เพื่อจะเตือนว่าน้องอย่าไปหลอกเงินคนอื่น และไม่อยากให้ใครหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อโอนเงินให้
ผู้สื่อข่าวตามไปสอบถาม นางสุนทร อายุ 73 ปี ย่าของน้องเนย เล่าว่า ที่หนีมาอยู่ที่บ้านคนรู้จัก สาเหตุเพราะถูกหลานตี ทำร้ายร่างกาย โดยย่าเผยว่าเกิดขึ้นบ่อย พฤติกรรมคือหลานสาว จะทำร้ายร่างกายจนบางครั้งถึงกับสลบไปเลยก็มี นางสุนทร ยังเผยว่า ตนเองเลี้ยงดู นางสาวเนยมาตั้งแต่ 2 ขวบ รู้สึกเสียใจมากที่ถูกหลานสาวแท้ ๆ ทำร้ายร่างกาย ซึ่งเมื่อก่อนน้องเนยก็ปกติดี กระทั่งมาประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ล้มศีรษะฟาดพื้น เมื่อเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมา น้องเนยก็เปลี่ยนไป เมื่อถามต่อไปว่า จะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิมอีกหรือไม่ นางสุนทร ก็รีบตอบปฏิเสธทันที ว่าไม่ไปถ้าหลานสาวยังอยู่ที่บ้านหลังนั้น เพราะกลัว