จากมุมมองแพทย์ เตือนคลายล็อก "นั่งชิดกัน" บนขนส่งสาธารณะ เสี่ยงติดโควิด-19

จากมุมมองแพทย์ เตือนคลายล็อก "นั่งชิดกัน" บนขนส่งสาธารณะ เสี่ยงติดโควิด-19

จากมุมมองแพทย์ เตือนคลายล็อก "นั่งชิดกัน" บนขนส่งสาธารณะ เสี่ยงติดโควิด-19
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอธีระชี้ยกเลิกเว้นระยะห่างในระบบขนส่งสาธารณะ เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 แนะเหลื่อมเวลาทำงาน หรือทำงานจากบ้านมากขึ้นจะดีกว่า

จากกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) พิจารณาคลายล็อกเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบ จากเดิมที่ต้องนั่งเว้นที่นั่ง ให้สามารถนั่งติดกันได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นคนในครอบครัวเดียวกันที่เดินทางมาด้วยกันตลอด และต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทางด้วยเท่านั้น

โดยจะจัดทำแผนและวิธีปฏิบัติในการไม่ต้องเว้นที่นั่ง เช่น ติดสติกเกอร์แสดงสัญลักษณ์ว่ามาด้วยกัน เป็นต้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในต้นสัปดาห์หน้า และจะเริ่มคลายล็อกการนั่งเว้นที่นั่งตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป โดยก่อนจะเริ่มปฏิบัติต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบโดยทั่วกัน จะได้เข้าใจและไม่ให้เกิดปัญหา

ในระยะแรกนี้การอนุญาตให้นั่งติดกันได้โดยไม่ต้องเว้นที่นั่งนั้น จะใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 50 นาที เช่น รถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง แต่ในส่วนของระบบขนส่งสาธารณะที่เดินทางข้ามจังหวัด และใช้เวลาในการเดินทางเกิน 50 นาที เช่น รถไฟ รถทัวร์ ยังต้องดำเนินการมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ด้วยการนั่งเว้นที่นั่งตามเดิม และต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง

ซึ่งจากมาตรการคลายล็อกดังกล่าว รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า

"ก่อนจะเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้

การที่เขาป่าวประกาศให้นั่งชิดกันในขนส่งสาธารณะได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม นั้น ในมุมมองแพทย์ การนั่งชิดกัน โดยไม่เว้นระยะห่าง ถือว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค COVID-19 นะครับ

ในทางปฏิบัติ หากเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ จะดีกว่าอย่างมาก เจ้านายในภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะรายใหญ่ๆ ควรอะลุ่มอล่วยให้ลูกน้องเหลื่อมเวลาทำงาน หรือทำงานจากบ้านมากขึ้น หากติดเชื้อจากการเดินทาง ก็มีโอกาสแพร่ในที่ทำงาน กิจการก็จะได้รับผลกระทบครับ

นอกจากนี้ ควรใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเสมอ

อย่าลืม ใส่หน้ากากจะลดเสี่ยงได้ถึง 85% รักษาระยะห่างมากกว่า 1 เมตร ลดเสี่ยงได้ 82%

การสื่อสารสาธารณะของแต่ละหน่วยงาน จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ กลั่นกรอง ให้ครบถ้วนรอบด้าน พร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติตัว และทางเลือกในการดำเนินชีวิตครับ!!!

ด้วยรักต่อทุกคน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook