เพจดังเผย โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ในจีน เหมือนฉายหนังซ้ำเพราะเกิดในตลาดสดแบบอู่ฮั่น

เพจดังเผย โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ในจีน เหมือนฉายหนังซ้ำเพราะเกิดในตลาดสดแบบอู่ฮั่น

เพจดังเผย โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ในจีน เหมือนฉายหนังซ้ำเพราะเกิดในตลาดสดแบบอู่ฮั่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วานนี้ (18 มิ.ย.) เพจเฟซบุ๊ก "Gossipสาสุข" เพจข่าวที่เน้นนำเสนอเนื้อหาในแวดวงการแพทย์และสาธารณสุขของไทย เผยแพร่บทความ "Second Wave ตลาด ล็อคดาวน์ และความสับสนเรื่อง “ที่มา” โรค หนังม้วนเดิมกำลังฉายซ้ำที่จีน" ว่าด้วยการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศจีน ซึ่งมีต้นตอจากตลาดในกรุงปักกิ่ง ที่ดูจะคล้ายกับระลอกแรกที่มาจากตลาดในเมืองอู่ฮั่น รวมถึงยังกลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศที่จีนกับสหรัฐอเมริกาต่างโทษกันว่าอีกฝ่ายเป็นคนสร้างเชื้อมรณะดังกล่าว โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

"สถานการณ์ล่าสุดกำลังปั่นป่วน หลังโควิด–19 กลับมาเริ่มต้นระบาดซ้ำในปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน หลังจากไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่นานถึง 56 วัน และคนจีนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติกันหมดแล้ว

น่าสนใจก็ตรงที่ คลัสเตอร์ปักกิ่ง มีฉากหลังไม่ต่างจากการระบาดรอบแรก 6 เดือนที่แล้วที่อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย คือเริ่มต้นจากตลาด “ซินฟาดี้” ในเขตเฟิงไถ ตอนใต้ของปักกิ่ง เพียงแต่รอบนี้ ตลาดซินฟาดี้ ใหญ่กว่าตลาดที่อู่ฮั่นมากกว่า 1 เท่าตัว ตลาดซินฟาดี้ กินพื้นที่มากกว่า 1,120 ตารางเมตร มีร้านค้ามากกว่า 2,000 ร้าน ขายตั้งแต่เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ไปจนกระทั่งผัก และผลไม้ 

เว็บไซต์ของตลาดระบุว่า เขียงหมูในตลาด มีการค้าขายหมูมากกว่า 3,000 ตัว และขายซีฟู้ดมากกว่า 1,500 ตัน ต่อวัน และมีคนเดินตลาดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมากกว่าวันละ 1.5 หมื่นคน นั่นทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่สเกลการระบาดรอบใหม่ อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

เรื่องเริ่มต้นจากวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกรุงปักกิ่ง พบผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับตลาดซินฟาดี้ รวม 6 คน และเมื่อขยายการตรวจเชื้อผู้ที่ไม่แสดงอาการต่อ ก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 45 ราย และเพิ่มต่อมาเป็น 106 ราย ในวันที่ 16 มิ.ย. ก่อนจะเพิ่มล่าสุดเป็น 157 ราย

ที่น่าสนใจก็คือ ในผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบ เดินทางต่อไปยังมณฑลเหอเป่ย และมณฑลเสฉวนเป็นที่เรียบร้อย แต่ทางการจีนสามารถทำ Contact Tracing สอบสวนเส้นทางโรคได้สำเร็จ รวมถึงออกมาตรการ “ปิดตลาด” และกั้นพื้นที่ “ล็อคดาวน์” 20 เขต ของเมืองรอบๆ ตลาด ไปจนถึงระดมตรวจโรคทันทีที่รู้ข่าว ขณะเดียวกันผู้ที่เคยมีประวัติไปตลาดซินฟาดี้ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกเมือง เพื่อลดความเสี่ยงการกระจายเชื้อไปยังพื้นที่อื่นต่อไป

มาตรการล่าสุดคือการ “ปิดโรงเรียน” ทั้งหมดทั่วเมืองหลวง ยกเลิกเที่ยวบินเข้าออกปักกิ่งอีก 1,200 เที่ยวบิน และคุมเข้มคนเข้า-ออกจากปักกิ่ง สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ว่าเรื่องนี้อาจ “ใหญ่” กว่าที่คิด

ปัญหาสำคัญที่ทางการจีนยังต้อง “ไข” ก็คือ ที่มาของคลัสเตอร์นี้มาจากไหน เริ่มระบาดตั้งแต่เมื่อไหร่ และจะ “ไปไกล” ได้ขนาดไหน 

หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึงวัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคปักกิ่ง เผยเส้นทางของโรคว่ามีความเป็นไปได้ที่จะ “นำเข้า” มาจากยุโรป จากการตรวจพบเชื้อที่ “เขียงปลา” แซลมอนในตลาด และให้น้ำหนักว่าเส้นทางของการระบาดรอบใหม่นั้น มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะมาจาก “ยุโรป” มากกว่ามาจากการระบาดในปักกิ่ง หรือมาจากผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการในประเทศ

นั่นทำให้แซลมอนถูกกวาดออกจากตลาดทั่วจีนทันที สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคจีนออกคำเตือนไม่ให้ประชาชนกินแซลมอนซาซิมิ หรือซื้อปลาแซลมอนนำเข้าในช่วงนี้ และยังส่งผลกระทบมาถึงไทยด้วย เมื่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 ขอให้ประชาชนเลิกกินแซลมอนซาซิมิเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เบนจามิน คาวลิง ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยา ให้สัมภาษณ์เซาท์ ไชนา มอร์นิงโพสต์ บอกว่าปลาแซลมอนแช่แข็งนำเข้าจากยุโรป มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นต้นกำเนิดของโรค และให้น้ำหนักไปในทางการระบาดจากคนสู่คน โดยเฉพาะจากผู้ที่ไม่ได้แสดงอาการมากกว่า เพราะต้องไม่ลืมว่า จากการสุ่มตรวจเชิงรุกผู้ที่มีเชื้อแต่ไม่ได้แสดงอาการในช่วงที่ผ่านมานั้น ทางการจีนเจอในจำนวนมากกว่า 50 คน

บทความจากวารสารวิชาการด้านการประมง Asian Fisheries Science ซึ่งตีพิมพ์ในเดือน เม.ย. ก็ระบุเช่นกันว่า ไม่มีหลักฐานที่เชื้อโคโรนาไวรัส 2019 สามารถติดต่อไปยังสัตว์น้ำได้ หากจะมีความเป็นไปได้ ก็เป็นไปได้มากกว่าที่จะมาจาก “บรรจุภัณฑ์” แต่ก็เป็นไปได้น้อย เมื่อเทียบกับการแช่แข็งบรรจุภัณฑ์ แช่แข็ง และส่งออก ต่อมายังจีน

เพราะฉะนั้น การรีบโยนว่าการระบาดของไวรัสรอบ 2 มาจากแซลมอน จึงน่าจะเป็นการ “ด่วนสรุป” เพื่อปัดไม่ให้เป็นการระบาดจาก “คนสู่คน” ในพื้นที่ปักกิ่ง มากกว่า

ล่าสุด พรรคคอมมิวนิสต์จีน ปลดเจ้าหน้าที่ออกไป 3 คนแล้ว ได้แก่ ผู้อำนวยการตลาดซินฟาดี้, เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำตำบล 2 คน โดยมีรายงานว่า เป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้ “ปิดข่าว” ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางทราบล่วงหน้า ทำให้เข้าพื้นที่สอบสวนโรคได้ช้าเกินไป จนมีผู้ติดเชื้อเดินทางข้ามไปยังหลายเมืองทั่วจีนแล้ว เหมือนกับเหตุการณ์ที่อู่ฮั่น ซึ่งมีการปิดข่าวในช่วงแรกเช่นกัน

ที่น่าสนใจก็คือวันนี้ ผ่านมา 6 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าต้นกำเนิดของเชื้อที่ว่ากันว่ามาจากตลาดสดอู่ฮั่นนั้น มีที่มาจากไหน สหรัฐอเมริกาตั้งทฤษฎีว่าหลุดมาจากแล็บทดลองในอู่ฮั่น จีนพยายามบอกว่า เชื้อมีโอกาสข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแล็บในแมร์รีแลนด์ สหรัฐฯ และออสเตรเลียซึ่งเรียกร้องให้จีนเปิดเผยแหล่งที่มาของการระบาด ถูกทางการจีน “แบน” ไม่ยอมนำเข้าสินค้าหลายรายการ ทำให้เส้นทางการระบาดซึ่งควรจะเป็นเรื่องวิชาการ กลายเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวโกลบอลไทมส์ กระบอกเสียงของรัฐบาลจีน ยืนยันว่าไม่เคยมีการปิดข่าว จะไม่มีการระบาดรอบ 2 เศรษฐกิจจีนกำลังเดินหน้าเข้าสู่ระยะฟื้นฟู ไม่มีอะไรที่จะขัดขวางได้ ขณะที่บรรณาธิการของโกลบอลไทมส์ บอกว่า “นักการเมือง” อเมริกา อาจได้เห็นตัวอย่างการจัดการชั้นเยี่ยมที่ปักกิ่ง คือ ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็น “ศูนย์” ภายในเดือนเดียว ไม่มีทางที่การระบาดจะเป็น Second Wave อย่างที่หลายคนกังวลแน่นอน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook