จักรทิพย์ ปัดข่าวถูกทาบทามชิงผู้ว่าฯ กทม. กังวลนักศึกษาถูกชักจูงเคลื่อนไหวการเมือง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธข่าวถูกทาบทามลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันไม่สนใจการเมือง แต่ยอมรับห่วงนักศึกษาถูกชักจูง สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ย้ำไม่ได้ขัดแย้งกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ
วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า หลังเกษียณอายุราชการ จะไปลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมปฏิเสธด้วยว่า ส่วนตัวไม่สนใจการเมือง และไม่มีการทาบทามให้ลงเล่นการเมือง โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “กลัวการเมืองเล่นเอา”
นอกจากนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังยอมรับว่าเป็นห่วงกลุ่มเยาวชนนักศึกษาที่ถูกชักจูงด้วยข้อมูลที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112, 116 ซึ่งตำรวจยืนยันหากพบมีการกระทำความผิดจริง จะต้องมีการดำเนินคดี แต่ในส่วนของการดำเนินคดีมาตรา 112 ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงจุดยืนไปแล้ว
แต่ทั้งนี้ ตำรวจยังมีกฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่จะใช้เอาผิด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าแกนนำกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ก็มีคดีความติดตัวหลายคดี ดังนั้นจึงขอฝากไปยังกลุ่มเยาวชนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ อย่ากระทำการที่ผิดกฎหมาย เพราะอาจจะส่งผลกับอนาคตได้
ย้ำไม่ขัดแย้งกับดีเอสไอ กรณีนำกำลังเข้าจับกุมบ่อนพนันในระยอง
นอกจากนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างตำรวจกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จากเหตุที่ดีเอสไอร่วมกับกรมการปกครองเข้าจับกุมบ่อนการพนันแห่งหนึ่งในอำเภอมาบตาพุต จังหวัดระยอง เป็นผลให้ต้องมีการย้ายตำรวจ 5 เสือ และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ในเวลาต่อมา
โดย ผบ.ตร. ได้ถามกลับสื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมาดีเอสไอเคยเข้าจับกุมบ่อนพนันหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ตำหนิว่าดีเอสไอทำถูกต้องหรือไม่ แต่เห็นว่าดีเอสไอเป็นหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายคดีพิเศษ ซึ่งเป็นคดีที่มีความสลับซับซ้อน ดังนั้นการจับกุมคดีใดๆ ก็ควรเหมาะสมกับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างชัดเจน อีกทั้งที่ผ่านมาการจับกุมบ่อนการพนันหรืออบายมุข ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ดำเนินการกวาดล้างมาโดยตลอด ส่วนการดำเนินการดังกล่าว ย้ำว่าไม่ได้เป็นการตำหนิ หรือมีความขัดแย้งกับหน่วยงานใดเป็นพิเศษ