ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพจระเข้บึงสีไฟผอมแห้ง ประมงฯแจงเพราะป่วย คาดกินพลาสติก
ประมงพิจิตรชี้แจง หลังชาวเน็ตแห่แชร์ภาพจระเข้บึงศรีไฟผอมโซ
นายวัฒนา ริ้วทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3(พิจิตร) ได้เปิดเผยว่าบ่อจระเข้แห่งนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3(พิจิตร) มีจระเข้อยู่ในบ่อรวม 84 ตัว มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างทั่วถึง ส่วนการให้อาหารจระเข้มีงบประมาณตลอดทั้งปี 5,000 บาท เท่านั้น อาหารของจระเข้ที่ใช้เลี้ยงก็จะเป็นโครงไก่สด ซึ่งจระเข้กินอาหารครั้งหนึ่งก็จะอยู่ได้ 7 วัน อย่างสบายๆ ไม่จำเป็นต้องให้อาหารทุกวัน ส่วนน้ำในบ่อที่เป็นสีเขียวนั้นหากเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆก็ไม่ใช่ผลดี เพราะหากเปลี่ยนน้ำในแต่ละครั้งจระเข้จะเกิดความเครียดถึงแม้น้ำจะเป็นสีเขียวอย่างที่เห็น จระเข้เค้าก็อยู่ได้ตามธรรมชาติของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ส่วนภูมิทัศน์เนื่องจากที่ผ่านมาบึงสีไฟหรือสวนสมเด็จย่าปิดการให้บริการนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลาหลายเดือน สภาพภูมิทัศน์โดยรอบที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลเมืองพิจิตรศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3(พิจิตร) ก็อาจจะดูทรุดโทรมไปบ้าง ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 หน่วยงานก็กำลังจะเร่งปรับภูมิทัศน์เพื่อเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 อย่างเป็นทางการอีกครั้ง
จากกรณีที่สื่อโซเชียลแชร์กระหน่ำภาพทายาทพญาชาละวันภายในบ่อเลี้ยงจระเข้แห่งนี้ผอมโซ คอยาวนั้น นายวัฒนา กล่าวว่า เจ้าคอยาวตัวนี้มีอยู่จริง ซึ่งดูจากสายตาและประสบการณ์คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นจระเข้ที่มีอาการป่วยเนื่องจากกินขวดน้ำพลาสติกหรือกินสิ่งแปลกปลอมที่เป็นขยะจากนักท่องเที่ยวที่โยนลงไปในบ่อ แต่วันนี้มองหาตัวไม่เจอ ซึ่งอาจจะนอนกบดานตามสัญชาตญาณของจระเข้ ในบ่อเลี้ยงจระเข้แห่งนี้มีจระเข้ 84 ตัว บางตัวอายุมากสุดถึง 20 ปี มีทั้งตัวใหญ่น้ำหนักเกือบ 300 กก. และมีตัวเล็กรวมถึงมีเจ้าคอยาว ผอมโซ อยู่รวมกัน ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3(พิจิตร)ให้ความสำคัญกับจระเข้ที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรและดูแลเป็นอย่างดี
สำหรับใครที่อยากจะมีส่วนร่วมในการให้อาหารจระเข้ กรุณาติดต่อและแจ้งล่างหน้าได้ที่ โทร 086-4490270 ในวันและเวลาราชการ (ห้ามให้อาหารจระเข้โดยไม่ได้รับอนุญาต)
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ