"บรรยิน" ชู 3 นิ้ว ปัดวางแผนแหกคุก อ้างผูกคอตายเพราะเครียด
"บรรยิน" ชู 3 นิ้ว ปัดวางแผนแหกคุก ถูกขังเดี่ยวไม่ได้ติดต่อใคร อ้างเครียดผูกคอตาย ขณะศาลอนุมัติ 60 วัน เลื่อนนัดตรวจหลักฐาน ด้านกองปราบจ่อแจ้ง 2 ข้อหา ยันมีหลักฐานชัด
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ใช้ห้องพิจารณาคดี 703 ชั้น 1 ในการพิจารณาคดีจ้างวานอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ซึ่งห้องดังกล่าวเป็นห้องใหญ่ที่ไว้ใช้พิจารณาในคดีสำคัญ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเบิกตัวจำเลยไปชั้น 7 ที่เป็นห้องพิจารณาคดีทั่วไป และเพื่อลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
กระทั่งเมื่อเวลา 10.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ศาลได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จำเลยที่ 1 เข้ามาภายในห้องพิจารณา ซึ่งพ.ต.ท.บรรยิน เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ ไม่มีทีท่ากังวลหรือเครียด พร้อมสวมชุดนักโทษของทางเรือนจำ โดยไม่ได้ถูกใส่กุญแจมือ และเมื่อมานั่ง พ.ต.ท.บรรยิน ก็ได้ตรวจพยานหลักฐานที่ทางทนายความเตรียมมา จำนวนกว่า 2 ลังใหญ่ ประมาณ 10 กว่าแฟ้ม
ต่อมาเมื่อเวลา 10.45 น. ผู้พิพากษาได้นั่งบัลลังก์ เพื่อนำตรวจพยานหลักฐาน โดยศาลระบุว่าวันนี้จะเป็นการพิจารณาพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ และให้เวลาฝ่ายจำเลยในการตรวจพยานหลักฐาน 30 วัน ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลเพื่อขอความเมตตาขยายเวลาในการนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ว่า เนื่องจากตนเองถูกคุมขังอยู่ในห้องขังเดี่ยว และยังถูกเคลื่อนย้ายเรือนจำจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังเรือนจำกลางบางขวาง อีกทั้งตนยังต้องขึ้นศาลทุกสัปดาห์ จึงทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นเอกสาร หรือ พิจารณาเอกสารทั้งหมดได้ ซึ่งทำให้เสียเปรียบในการต่อสู้คดี จึงขอเวลาเพิ่ม จาก 30 วัน เป็น 60 วัน ในการตรวจพยานหลักฐาน ซึ่งต่อมาศาลได้ให้เวลาตามที่จำเลยร้องขอ
นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ร้องขอความเมตตาต่อศาลในการให้ภรรยาและลูก เข้ามาร่วมรับฟังการพิจารณาคดีในครั้งต่อไป เพื่อเป็นการปรึกษา แต่ศาลไม่อนุญาต และให้เหตุผลว่ามีห้องวิดีโอคอนเฟอเรนท์อยู่แล้วและเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังแถลงต่อศาลถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตนพยายามวางแผนแหกคุกหลบหนีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาตนถูกคุมขังเดี่ยวและไม่ได้ติดต่อกับใคร จึงทำให้ตนเกิดความเครียดจนพยายามผูกคอเพื่อฆ่าตัวตาย
"ผมไม่ได้อุ้มฆ่าผู้พิพากษา วันเกิดเหตุไม่ได้อยู่สถานที่เกิดเหตุ ผมถูกคุมขังเยี่ยงสัตว์ จนเครียดผูกคอตายแต่ผู้คุมช่วยได้ทัน รวมถึงไม่มีเวลาอ่านเอกสาร เพราะเอาเอกสารเข้าเรือนจำไม่ได้" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว
ขณะที่เมื่อเวลา 12.20 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ขึ้นรถเรือนจำกลางบางขวาง กลับไปยังเรือนจำกลางบางขวาง โดยขณะอยู่บนรถเรือนจำ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ชูนิ้ว 3 นิ้วให้กับสื่อมวลชน ก่อนเคลื่อนตัวออกจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวภายหลังประชุมร่วม คณะพนักงานสืบสวน สอบสวน กองปราบปราม คดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จำเลยในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา หลังถูกแฉว่าวางแผนแหกคุก ว่า ที่ประชุมสรุปผลการดำเนินการสอบสวน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง พบว่าคดีนี้ พ.ต.ท.บรรยิน มีการวางแผนแหกคุกจริง
ซึ่งตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานที่มี เตรียมที่จะประสานกับทางเรือนจำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแก่ พ.ต.ท.บรรยิน เพิ่มเติมใน 2 ข้อหา คือ เป็นผู้กระทำการให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาลหลุดพ้นจากการคุมขัง และเป็นผู้ใช้จ้างวานผู้อื่นกระทำผิด จากกรณีที่มีการวางแผนที่จะให้ชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ในระหว่างทางที่ถูกคุมตัวออกจากเรือนจำไปยังศาล หรือการจับกุมครอบครัวของข้าราชการเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับการปล่อยตัว
ทั้งนี้ ยืนยันว่า พนักงานสอบสวน ไม่ได้รับฟังพฤติการณ์ในการกล่าวอ้างทุกประเด็น เช่น ข้ออ้างเรื่องการระเบิดเรือนจำ ล้มเสาธง หรือมีเฮลิคอปเตอร์มารับตัวนั้นให้น้ำหนักน้อย เพราะเป็นคำบอกเล่าที่พูดต่อๆ กันมา
ผบก.ป. ยังกล่าวอีกว่า มีความจำเป็นที่จะต้องออกหมายเรียก พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส. เขต 4 จังหวัดนครสวรรค์ มาสอบปากคำในฐานะพยาน หลังถูกพาดพิงว่า พ.ต.ท.บรรยิน ติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยพาหลบหนี แต่ พ.ต.ท.นุกูล ไม่ร่วมมือด้วย โดยจะออกหมายเรียกมาสอบถาม ภายในสัปดาห์นี้