ผู้เชี่ยวชาญหวั่น “คนอายุน้อย” ทางใต้ของสหรัฐฯ ติดเชื้อ “โควิด-19” เพิ่มขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญหวั่น “คนอายุน้อย” ทางใต้ของสหรัฐฯ ติดเชื้อ “โควิด-19” เพิ่มขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญหวั่น “คนอายุน้อย” ทางใต้ของสหรัฐฯ ติดเชื้อ “โควิด-19” เพิ่มขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐอเมริกา แสดงความกังวล หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอายุน้อยเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะในรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ได้แก่ ฟลอริดา, เซาธ์แคโรไลนา จอร์เจีย เท็กซัส และพื้นที่อื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แรกๆ ที่กลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง หลังจากมาตรการล็อกดาวน์ เจ้าหน้าที่ทางการอ้างว่าเป็นเพราะมีการตรวจหาเชื้อมากขึ้น ขณะที่หลายคนมองว่า ผู้ป่วยรายใหม่เกิดจากแนวทางการรักษาระยะห่างทางสังคมที่ล้มเหลว

ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เกร็ก แอ็บบอตต์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในหลายเมืองส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับการฉลองวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ ที่หลายคนมักจะรวมตัวกันในบาร์

ส่วนในฟลอริดา รอน เดอซานทิส ผู้ว่าการรัฐ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ค่าเฉลี่ยอายุของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่อายุ 37 ปี และ 62% ของผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงวันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป มีอายุต่ำกว่า 45 ปี

เดอซานทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ระบุว่า ผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ทางการต้องเปลี่ยนทิศทางการป้องกันและดูแลประชาชนไปสู่กลุ่มผู้ที่มีอายุ 20 – 30 ปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ และไม่จำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ รวมทั้งเสริมว่า มีหลักฐานว่าเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายในหมู่คนอายุน้อย จึงต้องมีการตรวจหาเชื้อเพิ่ม

ด้านผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่า จำนวนผู้ป่วยในฟลอริดาที่มีมากขึ้น อาจทำให้รัฐแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดครั้งใหม่ของสหรัฐฯ

ส่วนในเซาธ์แคโรไลนา บุคลากรทางการแพทย์ระบุเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า มีการตรวจพบเชื้อในกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี มากขึ้น ราว 18% ของผู้ป่วยทั้งหมดในรัฐเป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง 21 – 30 ปี ซึ่ง ดร.แบรนนอน แทร็กซ์เลอร์ ที่ปรึกษาแพทย์ของกรมสุขภาพและการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมของเซาธ์แคโรไลนา กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยอายุน้อยที่เพิ่มขึ้นชี้ให้เห็นว่า วัยรุ่นและเยาวชนยังไม่มีภูมิต้านทานเชื้อโควิด-19 และประชาชนยังไม่มีการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างจริงจัง

เช่นเดียวกับในจอร์เจีย ที่มีรายงานว่ามีการพบผู้ป่วยที่มีอายุระหว่าง 20 – 30 ปี มากขึ้น ดร.โรเบิร์ต แจนเซน หัวหน้าบุคลากรทางการแพทย์ของ Grady Health System แสดงความกังวลว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจจะแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น โดยเฉพาะพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ยังพบว่าในเมืองกัลเวสตัน รัฐเท็กซัส มีผู้ที่รักษาระยะห่างทางสังคมเพียง 7% เท่านั้น ส่งผลให้มีคนอายุน้อยติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่ง ดร.ฟิลิป เคเซอร์ จากกรมสุขภาพท้องถิ่นระบุว่า มีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยอายุน้อยเพิ่มขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อายุเฉลี่ยของผู้ที่มีผลตรวจเป็นบวกอยู่ที่ 30 ปี และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดโดยทางการ เช่น การรักษาระยะห่างทางสังคมหรือสวมหน้ากาก

จากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ C.D.C. เชื้อไวรัสโคโรนา ต้นเหตุของโรคโควิด-19 มักจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกลุ่มผู้สูงอายุ คนดำและฮิสแปนิก รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยนับตั้งแต่ระยะแรกของการระบาดจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ค่าเฉลี่ยอายุของผู้ที่มีผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวกอยู่ที่ 48 ปี

ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 ได้ที่นี่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook