นักวิจัยค้นพบ “การตรวจแอนติบอดี้” ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษาโควิด-19

นักวิจัยค้นพบ “การตรวจแอนติบอดี้” ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษาโควิด-19

นักวิจัยค้นพบ “การตรวจแอนติบอดี้” ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการรักษาโควิด-19
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“การตรวจแอนติบอดี้” สามารถบอกได้ว่าผู้เข้ารับการตรวจติดโรคโควิด-19 หรือไม่ แต่จากงานศึกษาแอนติบอดี้ของผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด-19 ชิ้นล่าสุด พบว่า ระดับแอนติบอดี้ที่ร่างกายสร้างขึ้นสามารถบอกข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ได้ด้วย เช่น การแพร่กระจายของโรค หรือความรุนแรงของโรคที่อาจกลับมาระบาดอีกครั้ง เป็นต้น ทั้งนี้ ยิ่งมีคนตรวจแอนติบอดี้มากเท่าไร ข้อมูลที่ได้ก็จะยิ่งมีความถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น 

งานศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ใน medRxiv เป็นงานศึกษาของศูนย์วิจัย F.Kimball ของศูนย์บริการโลหิตนิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยร็อกกีเฟลเลอร์ ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างพลาสมา 370 ตัวอย่างจากผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด-19 โดยนักวิจัยใช้วิธีการตรวจแอนติบอดี้หลายวิธี รวมถึง 2 วิธีตรวจที่ได้รับความนิยม เพื่อบันทึกระดับแอนติบอดี้ที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้สร้างขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 หรือเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 หลังจากนั้น นักวิจัยจึงนำแอนติบอดี้ที่ได้ไปทดสอบกับเชื้อไวรัสที่สร้างขึ้น เพื่อดูว่าแอนติบอดี้จะสามารถต้านเชื้อไวรัสได้จริงหรือไม่ 

ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ผู้ป่วยมากกว่า 88 เปอร์เซ็นต์สามารถสร้างแอนติบอดี้เพื่อต้านเชื้อไวรัสในระดับที่แตกต่างกัน แต่มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีระดับแอนติบอดี้สูง และสามารถต้านเชื้อไวรัสที่สร้างขึ้นได้ ในทางกลับกัน ผู้ป่วยกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ไม่มีแอนติบอดี้ที่มีปฏิกิริยาต่อการติดเชื้อเลย 

“ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ” ต่อเชื้อไวรัส SAR-CoV-2 อาจมีความซับซ้อนมากกว่าความเชื่อที่ว่า คนที่ติดโรคโควิด-19 จะไม่กลับไปติดโรคอีก ซึ่งนายแพทย์ Larry Luchsinger ผู้ร่วมวิจัย ได้กล่าวว่า “มีกลุ่มที่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต้านเชื้อไวรัสได้เลย สิ่งที่เราพบว่าน่าสนใจจากการศึกษาที่ผ่านมา คือ ความคลาดเคลื่อนหรือระดับของผลตรวตแอนติบอดี้ที่กว้างมาก” 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการเก็บข้อมูลมากกว่านี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมผู้ป่วยที่หายจากโรคจึงมีระดับแอนติบอดี้่ที่กว้างมาก และส่งผลต่อความสามารถในการต่อต้านเชื้อไวรัสในอนาคตได้อย่างไร ทั้งนี้ ผลการศึกษาก็ชี้ว่า การต่อสู้กับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อาจมีความแตกต่างหลากหลาย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของบางคนอาจขึ้นอยู่กับแอนติบอดี้ ขณะที่อีกหลาย ๆ คน พึ่งพาเซลล์ร่างกายซึ่งมีลักษณะที่หลากหลายเพื่อต้านเชื้อไวรัส 

ผลการศึกษาที่ได้ จะส่งผลให้เกิดการตรวจแอนติบอดี้ ที่ไม่ใช่แค่การตรวจหาโรคโควิด-19 แต่เพื่อตรวจหาระดับของแอนติบอดี้เพื่อดูความสามารถของผู้ป่วยแต่ละคนที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัสด้วย การตั้งเป้าหมายในลักษณะเช่นนั้นอาจมีความเป็นไปได้ยาก แต่เมื่อมีข้อมูลระดับแอนติบอดี้ของผู้ป่วยที่หายจากโรคมากขึ้น การตรวจแอนติบอดี้ดังที่กล่าวในข้างต้นก็จะสามารถเป็นไปได้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook