หนุ่มนักวิ่งนำขวดถูกเจาะรูให้ตำรวจ เผยรสชาติน้ำเปลี่ยน อ.เจษฎา ตั้งข้อสังเกต "ดูมีพิรุธ"

หนุ่มนักวิ่งนำขวดถูกเจาะรูให้ตำรวจ เผยรสชาติน้ำเปลี่ยน อ.เจษฎา ตั้งข้อสังเกต "ดูมีพิรุธ"

หนุ่มนักวิ่งนำขวดถูกเจาะรูให้ตำรวจ เผยรสชาติน้ำเปลี่ยน อ.เจษฎา ตั้งข้อสังเกต "ดูมีพิรุธ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มนักวิ่งนำขวดน้ำถูกเจาะรูให้ตำรวจตรวจสอบ ทางด้าน อ.เจษฎา ตั้งข้อสังเกตว่าเคสนี้แปลกๆ ดูมีพิรุธ ต้องรอผลตรวจ

(23 มิ.ย.63) เมื่อเวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สวนสาธารณะตรงข้ามเทศบาลนครนนทบุรี จุดเกิดเหตุหลัง นายวิโรจน์ อายุ 42 ปี โปรดิวเซอร์รายการทีวี มาวิ่งออกกำลังกายแล้ววางน้ำดื่มไว้ที่ม้านั่งเมื่อวิ่งเสร็จกลับมาเปิดน้ำดื่มพบว่าน้ำในขวดมีรสชาติเปลี่ยนไป ก่อนกลับไปหาเพื่อนที่ทำงานแล้วเกิดอาการแน่นหน้าอก ตาค้าง ลิ้นแข็งจนเพื่อนต้องรีบนำส่งรพ. จากการตรวจสอบขวดน้ำดื่มที่ซื้อมาจากร้านค้าภายในสวนสาธารณะพบมีรูถูกเจาะ ส่วนบรรยากาศภายในสวนสาธารณะพบว่ายังมีประชาชนออกมาวิ่งกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก

จากการสอบสวน นางศจีสุนี อายุ 50 ปี แม่ค้าที่ขายน้ำดื่มให้กับนายวิโรจน์ กล่าวว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะลูกค้ามาซื้อน้ำดื่มที่ร้านเรา ยืนยันน้ำดื่มที่ขายไปปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งลูกค้าคนนี้จะมาซื้อน้ำดื่มเป็นประจำ โดยตนเป็นคนหยิบขวดน้ำดื่มให้กับมือซึ่งขวดน้ำที่ส่งให้เป็นขวดน้ำดื่มขนาด 600 มล. ถ้าไม่เปิดฝาหรือถูกเจาะรูขวดจะแข็งสังเกตง่าย หลังจากนี้จะคอยเตือนลูกค้าให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นอย่านำขวดน้ำดื่มไว้ห่างจากตัว

ด้าน น.ส.เจริญวรรณ อายุ 37 ปี คนที่มาวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะเป็นประจำ กล่าวว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนพอทราบข่าวมาบ้าง ก็รู้สึกตกใจ แต่ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรมากเพราะคนที่มาวิ่งออกกำลังกายที่นี่ก็มีจำนวนมาก หากเกิดเหตุขึ้นทุกคนก็จะเข้ามาช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ส่วนวิธีป้องกันของตัวเองก็จะเก็บน้ำดื่มไว้ในรถไม่งั้นก็จะหาเป้หรือถุงมาใส่และแขวนเอาไว้ในที่สูงห่างจากมือคนอื่น ซึ่งตนมั่นใจว่าทางเทศบาลที่ดูแลพื้นที่จะมีวิธีป้องกันเหตุแบบนี้ได้อย่างแน่นอน

นายกิตตินพ อายุ 35 ปี เพื่อนร่วมงานนายวิโรจน์ กล่าวว่าทราบข่าวจากพี่ที่ทำงานด้วยกันว่าพี่เขามาวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นประจำหลังจากเลิกงานจากโปรดิวเซอร์รายการทีวีแห่งหนึ่ง โดยจะมาวิ่งช่วง 19.00-20.00 น.และไปเลิกวิ่งตอน 21.00 น. ซึ่งวันเกิดเหตุหลังเลิกวิ่งแล้วพี่เขาได้นำดื่มที่ซื้อมาจากร้านค้ามาดื่มแต่รสชาติของน้ำเปลี่ยนไป พี่เขาไม่ได้สนใจอะไรก่อนขับรถกลับไปที่ออฟฟิศเพื่อนั่งสังสรรค์กันก่อนที่พี่เขาจะมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกทุกคนจึงรีบพาส่ง รพ. แต่หมอยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่พี่เขาสงสัยว่าอาการที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากน้ำดื่มขวดนั้นอย่างแน่นอนประกอบกับที่ขวดก็มีรูโดนเจาะอีกด้วย

นายบุญจันทร์ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ รปภ. ทางเข้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า พึ่งทราบข่าวเมื่อเช้าว่ามีคนมาออกกำลังกายแล้วถูกวางยาพิษ ตนที่งานที่นี้มา 10 ปี ไม่เคยปรากฎว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนมากคนที่มาออกกำลังกายเขาก็นำน้ำดื่มมาวางตามจุดของเขาบางคนใส่ถุงแขวนไว้ตามต้นไม้ก็มีไม่เคยมีปัญหาอะไร ส่วนมากคนที่มาใช้สวนสาธารณะจะเป็นคนกลุ่มเดินที่มาออกกำลังกายเป็นประจำ วันจันทร์ถึงวันศุกร์จะมาคนมาอกกำลังกายเดอนเล่นประมาณ 50-100 คน ส่วนวันเสาร์อาทิตย์จะมีมากหน่อย 100-200 คน


 
กระทั่งเวลา 19.00 น. นายวิโรจน์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมนำขวดน้ำดื่มที่ดื่มในวันเกิดเหตุมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปตรวจสอบต่อไป โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชม. ก่อนเดินทางกลับ

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าหลังสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว ตั้งประเด็นการสืบสวนไว้ 3 ประเด็นคือคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์, ประสงค์ต่อชีวิตและร่างกาย,ความคึกคะนองของคนก่อเหตุ หลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบทุกประเด็นเพื่อหาตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมาย

ทางด้าน อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ถึงกรณีดังกล่าวว่า

"เมื่อกี้ นักข่าวก็โทรมาถามขอข้อมูลเหมือนกัน ว่านักวิ่งคนนั้น น่าจะถูกสารอะไรใส่วางยาในขวดน้ำดื่ม ซึ่งผมก็บอกว่า มันดูแปลกๆ ดูมีพิรุธนะ เพราะไม่เคยมีข่าวว่าใครถูกมอมยาแบบนี้ในสวนสาธารณะมาก่อน ตัวผู้เสียหายเองก็ไม่ได้ถูกมิจฉาชีพคนไหนเข้ามาปลดทรัพย์ ... ดังนั้น ในเคสนี้ ควรจะรอผลตรวจก่อนดีกว่า ว่าในขวดน้ำมีสารอะไรปนเปื้อนอยู่บ้าง รวมทั้งผลตรวจเลือดด้วย นอกจากนี้ ยังแปลกๆ ตรงที่ ปกติขวดน้ำ... น้ำจะค่อนข้างเต็มขวด แล้วก็เจาะรูตรงคอขวดก็ไม่ง่ายเท่าไหร่นะ ทำไมน้ำถึงไม่ไหลออกมาตอนเขาดื่ม ?"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook