ญาติปัดหนุ่มที่ดับจากหวัด09 ไม่น่าใช่ เจ้าพ่อฟอนท์ไอโฟน ชี้ข้อมูลหาหมอ3รพ.ถูก แต่ชื่อเล่นผิด

ญาติปัดหนุ่มที่ดับจากหวัด09 ไม่น่าใช่ เจ้าพ่อฟอนท์ไอโฟน ชี้ข้อมูลหาหมอ3รพ.ถูก แต่ชื่อเล่นผิด

ญาติปัดหนุ่มที่ดับจากหวัด09 ไม่น่าใช่ เจ้าพ่อฟอนท์ไอโฟน ชี้ข้อมูลหาหมอ3รพ.ถูก แต่ชื่อเล่นผิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่สื่อมวลชนหลายสำนักได้มีการนำเสนอข่าวการเสียชีวิตของนายพีรวีร์ ดวงสินกุลบดี หรือเดย์ อายุ 28 ปี ซึ่งถูกอ้างว่า เป็นเจ้าของนามแฝงในบอร์ด Creative 7419 และเป็นเจ้าพ่อแห่งฟอนท์ (font) บนไอโฟน (iPhone) ที่ทำให้ชาวไอโฟนใช้ฟอนท์ภาษาไทยได้ ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง แต่โรงพยาบาล 2 แห่งแรก กลับไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพราะแพทย์วินิจฉัยว่า ไม่ได้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จนนายพีรวีร์เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลแห่งที่ 3 ทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมกว่า 3 ล้านบาท จนญาติของนายพีรวีร์ต้องเข้าร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการโพสข้อความผ่านอินเตอร์เน็ตที่ระบุว่า เขียนโดนนายเดย์ บรรยายเกี่ยวกับอาการป่วยและการเดินทางไปรักษาพยาบาล ก่อนเสียชีวิตว่า

"วันนี้ไปหาหมอตามที่หมอนัด ขึ้น BTS ไป คนก็เยอะ เลยต้องยืน สักพักเริ่มหวิวๆ เริ่มคลื่นไส้ แล้วโลกก็มืดลง แขนก็เริ่มชา มองอะไรไม่เห็นเลย ประมาณ 5 นาทีจนถึงสยาม คนลงเยอะก็ตั้งสติ เพ่งเห็นรางๆ ว่าที่นั่งว่าง ไม่ฟังเสียงล่ะครับ (หูอื้อ) คลำๆแล้วนั่งเลย แล้วก็นั่งก้มหน้าแบบสุดๆ โลกเริ่มสว่างขึ้น ทางเดินสายโลหิตเหือดแห้ง มือซีดเหลืองชาๆ แอร์บนรถเย็นมาก แต่เหงื่อยังกับอาบน้ำใหม่ๆ แบกสังขารไปจนถึง พุ่งหาร้านข้าวกินข้าว แล้วก็ไปพบหมอ หมอเจาะเลือดไปตรวจ เอ่อ หมอครับ เมื่อวันพฤหัสฯผมก็เพิ่งโดนเจาะไปครับ แล้วเมื่อกี้ก็หน้ามืดเลือดหมดครับหมอ หมอบอกไม่เป็นไรเอานิดเดียว ผลตรวจเลือดออกมา เกล็ดเลือดปกติ เม็ดเลือดขาวปกติ ไข้เลือดออกไม่เป็น ทำหมองงอีกคนแล้ว เลยถามไปว่าหรือจะเป็น 2009 หมอบอกตัดไปเลย 2009 อาการหลักต้องไอ เจ็บคอ แต่คุณไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ไม่มีอะไรเลย ตัวร้อนเฉยๆ สรุปก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ นัดให้มาวันจันทร์อีก บอกว่าถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ต้องเรื่องใหญ่กันเลยล่ะ ต้องแอดมิดให้น้ำเกลือ เอาเลือดไปตรวจละเอียดหาไทรอยด์ หานั่นนู่นนี่ คิดในใจว่านี่ต้องทรมานไปอีก 2 วันหรือนี่ แล้วหมอก็ให้ยาลดไข้มาแค่นั้น"

ในวันรุ่งขึ้น "เดย์" ยังโพสต์ข้อความอีกครั้งว่า "ไม่ไหวแล้ว ไปกราบขอหมอนอน รพ.ดีกว่า จะกี่หมื่นกี่แสนก็ยอม เรียก Taxi มารับก่อน เดี๋ยวไปเองหน้ามืดอีก"

และมีการนำรูปชายคนหนึ่งโพสไปว่า เป็น นายพีร์วีร์ ด้วยการส่งลิงค์ของ www.hi5.com ซึ่งระบุว่า เป็นนายเดย์ จนเป็นเหตุให้นักท่องไซเบอร์เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ นายพีรวีร์ ด้วยการโพสต์ข้อความโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์การวินิจฉัยของแพทย์ และมีลิงค์เข้าไปในเว็บไซต์ Smart-Mobile.com ที่นายเดย์เข้าใช้เป็นประจำนั้น

ปรากฎว่า เมื่อทางมติชนออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง มารดา ของนายพีรวีร์ ผู้เสียชีวิตเกี่ยวกับความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดทราบว่า ความจริงแล้ว ชื่อเล่นของนายพีรวีร์นั้น คือ เซฟ ไม่ใช่เดย์ดังที่ปรากฎเป็นข่าว ซึ่งนายพีรวีร์นั้น มีอาชีพเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ย่านสาทร รวมทั้งมีบ้านอยู่ที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ส่วนรูปผู้ชายคนหนึ่งที่มีการนำเสนอผ่านสื่อนั้นก็ไม่ใช่รูปภาพของนายพีรวีร์แต่อย่างใด และตนก็ไม่ทราบว่า นายพีรวีร์ บุตรชาย มีความเชี่ยวชาญเรื่องฟอนท์ภาษาไทยในไอโฟนหรือไม่ หรือมีความเชี่ยวชาญในการ ใช้อินเตอร์เน็ตเพียงใด เห็นเพียงแต่ว่า ลูกชายเปิดใช้อินเตอร์เน็ตตามปกติในเวลากลางคืน

ขณะที่สาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชายนั้น มารดา นายพีรวีร์ กล่าวว่า บุตรชายเริ่มมีอาการเป็นไข้มาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้ไปรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรก ต่อมากลับมาบ้านก็เหมือนอาการจะดีขึ้น แต่ยังคงไออยู่ ต่อมาก็เป็นหนักขึ้นอีก จนต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งที่ 2 แพทย์ก็ไม่ได้ตรวจพบเชื้อหรืออาการต้องสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 จนกระทั่งนายพีรวีร์ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งที่ 3 ก่อนจะพบว่าปอดติดเชื้อและลามไปมากแล้ว และสุดท้ายนายพีรวีร์ก็เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา และได้มีการสวดพระอภิธรรมศพที่วัดหนามแดง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ด้านน้าชายของนายพีรวีร์กล่าวว่า หลานชายของตนเองนั้นขับรถเก๋งไปพบแพทย์เองทุกครั้ง ใน 3 โรงพยาบาล จนวาระสุดท้าย ซึ่งจนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้รับรายงานจากแพทย์ว่า แท้จริงแล้วนายพีรวีร์ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่ เพระาที่ผ่านมาอาการป่วยทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนายพีรวีร์นั้นไม่เข้าข่ายแต่อย่างใด แต่แพทย์ได้ลงความเห็นการเสียชีวิตว่า "ปอดวายเฉียบพลัน" ซึ่งที่ผ่านมา ทางคณะแพทย์ได้มีการให้ยาต้านไวรัสทุกชนิดที่สามารถจะยับยั้งอาการได้ แต่ปอดของนายพีรวีร์นั้น เปรียบเหมือนมะม่วงสุก ไม่มีเวลาจะสอบสวน ซึ่งตนคิดว่า มันก็เหมือนรถที่กำลังจะตกเหว หาทางช่วยอะไรได้ก็ต้องรีบช่วยไว้ก่อน ทั้งนี้ ตนยังไม่อยากโทษโรงพยาบาลใดๆ เพราะจริงๆแล้วยังไม่รู้ว่า หลานชายเสียชีวิตเพราะเหตุใด รวมทั้งยังขอขอบคุณรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ซึ่งดำเนินการโดย สรยุทธ์ สุตทัศนจินดา ที่นำเรื่องของครอบครัวของตนมาเผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์ ทั้งนี้ ทางครอบครัวไม่ว่าอะไร แม้ข้อมูลที่ออกมาจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่อยากจะขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทธาหรณ์และอยากจะขอความเป็นธรรมจาก ทางรัฐบาลด้วย

ส่วนเรื่องข้อมูลที่มีการแย้งกันว่า เดย์ ไม่ใช่นายพีรวีร์ ซึ่ง นายพีรวีร์ตัวจริงเป็นแค่บุคคลธรรมดาไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องการเปลี่ยนฟอนท์ ภาษาไทยในไอโฟน และมีการใช้นามแฝงในอินเตอร์เน็ต รวมทั้งโพสต์ข้อความก่อนการเสียชีวิตในเว็บไซต์แห่งหนึ่งนั้น น้าของนายพีรวีร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด และไม่รู้ว่า นายพีรวีร์มีสังคมในโลกอินเตอร์เน็ตอย่างไรจึงไม่รู้ข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับเพื่อนสนิทของนายพีรวีร์ ที่กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าเพื่อนของตนมีบทบาทในอินเตอร์เน็ตในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือหรือไม่ แต่เท่าที่รู้ไม่น่าจะใช่คนเดียวกัน เพราะนายพีรวีร์ไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้นและโทรศัพท์รุ่นที่ใช่ก็เป็นยี่ห้อโนเกีย

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ภายในเว็บไซต์ดังกล่าวได้มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันถึงการวินิจฉัยของแพทย์ ตั้งแต่ รพ.เอกชนแห่งแรกที่นายพีรวีร์ไปหา แล้วแพทย์ระบุว่า เป็นไข้ติดเชื้อ และให้เพียงยาพาราเซตามอล ลดไข้มากิน สองวันต่อมาไข้ไม่ลด ผู้ป่วยไปหาแพทย์ใหม่อีกครั้ง แพทย์ก็ยังไม่ตรวจละเอียด และให้พาราเซตามอลมาอีก จนผู้ป่วยต้องนั่งรถไฟฟ้าไปพบแพทย์ ตามสิทธิประกันสังคม ก่อนได้รับการฉีดยาและกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นแน่นหน้าอก ไปตรวจใหม่พบปอดติดเชื้อถึง 25% แพทย์ก็ยังไม่สั่งให้นอน รพ. บอกให้กลับบ้าน จนกระทั่งผู้ป่วยรู้ตัวว่าไม่ไหวจึงไป รพ.แห่งที่ 3 และพบว่าเป็นไข้หวัด 2009 แต่ก็สายเกินไปที่จะรักษาแล้ว ในที่สุดนายพีรวีร์ก็เสียชีวิตลง

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ฟอร์เวิร์ดเมล์นี้ระบุว่า อยากให้เป็นอุทาหรณ์ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนของแพทย์และประชาชน แต่กลับมีความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้น

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook