ปชป.ซัดบ.เอสซีฯของน้องสาว แม้ว ต้นตอเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียง

ปชป.ซัดบ.เอสซีฯของน้องสาว แม้ว ต้นตอเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียง

ปชป.ซัดบ.เอสซีฯของน้องสาว แม้ว ต้นตอเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปชป.ซัด "เอสซี แอสเสท" บริษัทของน้องสาว"ทักษิณ"ต้นตอเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงนายกฯ ไอซีทีชี้มาจาก2แหล่ง ประสานตร.เอาผิด สั่งคุ้ยเป้า-เชื่อสร้างเงื่อนไขชุมนุม กองปราบฯเล็งเรียกคนเกี่ยวข้องสอบปากคำ ทุกหน่วยประสานเสียง"ตัดต่อ"

ซัดบริษัทเอสซีฯของน้องสาว"แม้ว"ต้นตอเผยแพร่

สำหรับเรื่องการหาต้นตอคลิปเสียงคล้ายนายกฯ ซึ่งมีการตัดต่อเสียง ที่มีผู้นำออกเผยแพร่ เพื่อป้ายสีว่า บงการสร้างสถานการณ์ และสั่งให้ใช้ความรุนแรงปราบปรามมวลชนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายนนั้น
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายเรื่องนี้ให้ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ผบช.ก.ได้สั่งการไปยังศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเชื่อว่าจะมีความคืบหน้าและสามารถสาวไปถึงต้นตอผู้ที่ผลิตและกระทำความผิดเรื่องนี้ได้

"อี-เมลต้นตอที่เป็นหลักฐานในคดี มาจากเครือข่ายของบริษัท เอสซี แอสเสท ซึ่งเป็นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ระบุในหลักฐานการส่งต่ออี-เมลฉบับนี้ว่า your mail has been scanned by SC Asset InterScan ส่งไปยังอี-เมลของผู้ใช้ชื่อว่า kanyanit จากนั้น บุคคลดังกล่าวได้ส่งอี-เมลนี้ต่อไปยังผู้ที่ใช้ชื่อว่า sutisa ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ประสานงานกับสื่อมวลชนประจำพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยบุคคลนี้ได้ส่งอี-เมลฉบับนี้ต่อไปให้นักข่าวประจำพรรค และบุคคลใกล้ชิดของตัวเอง"

"หนึ่งในจำนวนนั้นก็มีชื่ออี-เมลที่ใช้ชื่อว่า titimachaisang@hotmail.com จึงอยากถามว่าเป็นอี-เมลของนางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นคนเดียวกันก็อยากให้ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีเข้าไปสอบสวนขยายผลต่อเพื่อหาข้อเท็จจริงจากบุคคลนี้ด้วยเพราะถือเป็นหนึ่งในขบวนการที่เผยแพร่คลิปเสียงตัดต่อที่หวังขยายผลให้เกิดความแตกแยกในชาติไทยด้วยกันเอง" นายเทพไทกล่าว

สั่งคุ้ยเป้า-เชื่อสร้างเงื่อนไขชุมนุม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะมีตำรวจสันติบาล ติดตามอยู่ 2 ประเด็นหลัก คือ 1.จุดประสงค์ของการทำคลิปเสียงเพื่ออะไร เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ตั้งใจเป็นเงื่อนไขในการชุมนุมในวันที่ 30 สิงหาคม เพราะเนื้อหาเป็นการใส่ร้ายนายกฯ และ 2.คลิปดังกล่าวมีการใช้เสียงจากแหล่งใดบ้าง จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้เสียงจาก 3 แหล่ง คือ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ในวันที่ 19 เมษายน และวันที่ 26 เมษายน และคลิปเสียงจากเว็บไซต์ของนายกรัฐมนตรี www.pm.go.th ซึ่งจะมีการทำรายงานให้นายกฯพิจารณา เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะ ส.ส.ของพรรค พิมพ์เอกสารที่เป็นหน้าการส่งอี-เมลคลิปเสียงแจกจ่ายสื่อมวลชน ในเอกสารระบุว่า มีการส่งจากอี-เมลชื่อ vimollas@scasset.com ใช้หัวข้อว่า "คลิปลับอภิสิทธิ์" โดยส่งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ไปยังอี-เมลอื่นและมีการฟอร์เวิร์ดต่อถึง 5 ครั้ง ก่อนจะไปถึงอี-เมลชื่อ sutisa29@hotmail.com ก่อนส่งไปยังสื่อและบุคคลต่างๆ

ไอซีทีสั่งตรวจสอบ-ปิดวูอาร์แอล

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) แถลงเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่กระทรวงไอซีทีว่า ทราบเรื่องตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 27 สิงหาคม และได้สั่งให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว โดยพบว่าคลิปเสียงดังกล่าวได้เริ่มเผยแพร่จากทีวีผ่านดาวเทียมก่อน หลังจากนั้นจึงนำมาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ และยืนยันว่าคลิปเสียงของนายกฯเป็นการตัดต่ออย่างแน่นอน ขณะนี้ได้ส่งไฟล์คลิปเสียงให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยพิสูจน์จะทราบผลวันเดียวกันนี้
กระทรวงไอซีทีสามารถเอาผิดกับผู้ที่ตัดต่อคลิปเสียง และนำไปเผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) และ(5) โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งสามารถเอาผิดในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายอาญาด้วย

ร.ต.หญิงระนองรักษ์กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ทราบข่าวดังกล่าวก็ได้สั่งให้ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ตของไอซีที ตรวจสอบและปิดกั้นหน้าต่าง (ยูอาร์แอล) เว็บไซต์ ที่มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวแล้ว โดยขณะนี้ได้ยื่นขอคำสั่งศาลเพื่อให้ปิดเว็บไซต์ที่มีการแพร่เผยคลิปดังกล่าวด้วย ส่วนคลิปที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูบ จะขอร้องไปยังผู้ดูแลเพื่อให้ลบยูอาร์แอลที่มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวออก

มาจาก2แหล่ง-ประสานตร.เอาผิด

ต่อมานายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงไอซีที แถลงว่า ได้ส่งคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ให้บริษัท กันตนา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงในเรื่องของการตัดต่อคลิปเสียงอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิกตรวจสอบ สรุปว่า คลิปเสียงที่เผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 26-27 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นคลิปที่มีการตัดต่อ 100% โดยเบื้องต้นพบว่า จากการตรวจสอบประมาณ 80% ของเนื้อหาทั้งหมด มีการตัดต่อ 16 จุด แต่หากมีการตรวจสอบครบทั้ง 100% คาดว่าจะมีการตัดต่อไม่น้อยกว่า 20 จุดขึ้นไป แต่หากต้องการให้ชัดเจน 100% ก็คงต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง
นายสือกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงไอซีที ติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ขอให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) ปิดกั้นหน้าต่าง (ยูอาร์แอล) ของเว็บไซต์ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวแล้ว ล่าสุด พบว่ามีการปิดไปแล้ว 8 ยูอาร์แอลในเว็บไซต์ของยูทูบ มีเดียไฟล์ และประชาไทย เป็นต้น

"เบื้องต้นพบว่าเว็บไซต์ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวมาจากในประเทศ มี 2 แหล่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจากที่ไหน เพราะต้องการรอให้ทราบคนที่เผยแพร่ที่ชัดเจนก่อน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคลิปมาจากบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั่น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรอให้มีการตรวจสอบแหล่งที่มาก่อน" ปลัดไอซีทีกล่าว

นายสือกล่าวว่า กระทรวงไอซีทีจะประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมกันตรวจสอบให้ถึงตัวผู้ที่กระทำผิดก่อนเข้าไปจับกุม โดยยืนยันว่าการตรวจสอบในครั้งนี้จะไม่มีแพะรับบาปอย่างแน่นอน ซึ่งเบื้องต้นทราบแหล่งที่มาที่น่าจะพิสูจน์ได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

กองปราบฯเล็งเรียกคนเกี่ยวข้องสอบปากคำ

พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. เรียกประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อหารือข้อกฎหมายและหาหลักฐานการดำเนินคดี ที่กองบังคับการปราบราม (บก.ป.) หลังจาก พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ ที่ประชุมได้มีการนำเทปดังกล่าวที่ได้รับมาจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) มาตรวจสอบด้วยกว่า 1 ชั่วโมง พ.ต.อ.สุพิศาลกล่าวภายหลังประชุมว่า จะเริ่มค้นหาพยานหลักฐานว่าคลิปนี้มีการทำขึ้นที่ไหน มีเส้นทางการส่งผ่านข้อมูลจากแหล่งใดบ้าง โดยจะประสานกับเจ้าหน้าที่ไอซีทีเพื่อตรวจพิสูจน์ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อีกครั้ง เพื่อพิจารณาเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ที่นำคลิปเสียงนี้มาเผยแพร่มาสอบปากคำ ขณะเดียวกันก็จะนำส่งข้อมูลเกี่ยวกับเสียงทั้งหมดไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบด้วย

พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผบก.พฐ.) กล่าวว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจคลิปเสียงดังกล่าวเสร็จสิ้นตั้งแต่เมื่อเช้าวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา และส่งผลให้ตำรวจสันติบาลแล้ว สำหรับการตรวจได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความถูกต้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์ พบว่ามีการตัดต่อดัดแปลง โดยพบว่าโปรแกรมที่นำตัดต่อเสียงไม่มีความซับซ้อนอะไร

ทุกหน่วยประสานเสียง"ตัดต่อ"

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ ดร.วชิรศักดิ์ วานิชชา รศ.ดร.นิพนธ์ เจริญกิจการ และ ดร.สันติธรรม พรหมอ่อน อาจารย์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี แถลงผลการตรวจพิสูจน์คลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ว่า ได้รับมอบหมายจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการตรวจสอบ ผลตรวจจากโปรแกรมวิเคราะห์เสียง หรือโปรแกรม Audacity พิสูจน์ได้ว่าเป็นคลิปตัดต่อเสียง 100 เปอร์เซ็นต์

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงที่รัฐสภาว่า นำคลิปเสียงดังกล่าวให้นักวิทยาศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยี 7 คนได้ศึกษาวิจัยถึงเสียงที่ถูกตัดต่อดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร จนได้ผลยืนยันแน่ชัดว่าเสียงที่เรียกว่าคลิปเสียงนายกฯมีการตัดต่อ เพราะช่วงหนึ่งมีการแยกเสียงด้วยเครื่องมือพบว่าพูดคำว่า "ไม่" ถึง 3 ครั้งทั้งที่หูปกติของคนจะได้ยินเสียงเพียงครั้งเดียว

"แม้ว" โพสต์โวย"มีแต่ถูกรังแก"

นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีต้องพูดความจริงทั้งหมด โดยอย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นฝีมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รู้เรื่องและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
"พ.ต.ท.ทักษิณไม่มาทำเรื่องเด็กๆ แบบนี้ เพราะท่านทำแต่ธุรกิจในต่างประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นายกฯต้องไปตรวจสอบว่ามีที่มาอย่างไร ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาในช่วงที่ความนิยมของนายกรัฐมนตรีตกต่ำลง จากผลงานที่มีข้อครหาว่ามีการทุจริต ดังนั้น เรื่องนี้อาจะเป็นความจงใจที่ต้องการเรียกคะแนนสงสารให้เกิดกับนายอภิสิทธิ์ก็ได้" นายนพดลกล่าว


พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ภายหลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาบริษัทน้องสาวว่า "ตั้งแต่ผมเกิดมาผมไม่เคยรังแกใคร มีแต่ถูกรังแก เห็นแก่ชาติบ้านเมืองดีกว่าครับ"

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook