กอดคอร้องไห้! 4 พี่น้องพนักงานองค์การค้าของ สกสค. ถูกเลิกจ้างสายฟ้าแล่บพร้อมกัน
เปิดใจ 4 พี่น้องพนักงานองค์การค้าของ สกสค. กอดคอร้องไห้ ถูกเลิกจ้างสายฟ้าแลบพร้อมกัน ซัดบริหารพลาด แต่โยนความผิดให้พนักงาน
"ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล" พิธีกรรายการ "ถามสุดซอย" ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.20 น. ทางช่องเนชั่นทีวี ช่อง 22 ได้เปิดใจสัมภาษณ์พนักงานองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่ถูกเลิกจ้างจนเป็นลมล้มพับ และมีภาพปรากฏในข่าวและสื่อออนไลน์มากมาย โดยวันนี้จะมาเปิดใจในรายการเป็นที่แรก
พี่ปุ๋มคือผู้หญิงในคลิปที่กรี๊ดออกมา หลังจากที่รู้ว่าถูกเลิกจ้างงาน?
ปุ๋ม : "ตอนนั้นมันช็อกค่ะ และเสียใจมากๆ เราไม่เคยนึกมาก่อนว่าเราจะถูกเลิกจ้าง เรานึกถึงองค์กรของเราอยู่มา 70 ปีต้องมาล่มสลายในยุคพวกเรา คิดถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ต้องได้รับความเดือดร้อนถูกเลิกจ้าง ทุกคนมีภาระต้องดูแลครอบครัวแต่ต้องมาตกงาน บุ๋มนึกถึงใจเขาและองค์กร ทำให้รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เลยมีภาพอย่างที่เห็นในคลิปออกมา"
"เรารู้สึกหมดหวัง สิ้นหวัง เรารู้สึกว่าเราวาดอนาคตจะอยู่ที่นี่จนเกษียณ หนี้สินที่ทุกคนได้ก่อไว้จะหมดไปตอนเราเกษียณอายุ และเราจะได้เงินบำเหน็จออกไปใช้ในยามเราชราเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง"
ตอนนี้อายุเท่าไหร่?
ปุ๋ม : "52 ค่ะ ทำที่นี่มา 27 ปี"
พี่แป้นอายุเท่าไหร่?
แป้น : "59 ค่ะ ปีหน้าจะเกษียณแล้วค่ะ ทำที่นี่มา 37 ปี"
ความรู้สึกวันนั้น?
แป้น : "ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ หน่วยงานนี้อยู่มาเกือบ 70 ปี ทุกคนบอกว่าทำงานที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่ เขาไม่เคยไล่คนออก ทุกคนทำงานจนเกษียณอายุ 60 หมด ก็คิดว่าตรงนี้มั่นคง สมัยก่อนที่เข้ามากิจการดีมาก รุ่งเรือง มีโบนัส แต่หลังๆ โบนัสหายไป บอกเราขาดทุน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ทราบว่าขาดทุนเพราะอะไร ผู้อำนวยการที่เป็นผู้บริหารงานเก่าๆ ก็อยู่กันมานาน แต่พอหมดรุ่นของท่านแล้ว ทางกระทรวงหรือคณะกรรมการ ส่งผู้บริหารมาใหม่ ก็อยู่กันไม่นาน ปีสองปีบ้าง เป็นระดับอธิบดีในกรมของกระทรวงศึกษาฯ มีอายุงานปีสองปี ท่านก็เกษียณแล้ว จะมาวางแผนหรือโครงการอะไรก็ไม่ต่อเนื่อง พอคนเก่าไป คนใหม่มา โครงการเดิมก็ไม่เอา มาทำโครงการใหม่ ซึ่งมันก็มีค่าใช้จ่าย นั่นเป็นที่มาของคำว่าหนี้สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับล่างๆ จะไม่ทราบเลยเพราะไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร ได้แต่รับคำสั่งให้ทำโน่นนี่"
วันนั้นที่ถูกบอกเลิกจ้าง ทราบมาก่อนมั้ย?
ปุ๋ม : "ไม่ทราบเลย ไม่มีข่าวลือ พี่คิดว่าถ้าถึงที่สุดแล้วเขาน่าจะหันมาฟื้นฟูองค์กร ปรับโครงสร้าง ไม่คิดว่าเขาจะมีคำสั่งเลิกจ้างเราเลย ทำให้ทุกคนช็อก เสียใจ ร้องไห้ ที่ไม่ได้ออกมาเป็นข่าวเขาก็ร้องไห้กัน แต่ในห้องส่วนตัว กอดกัน แต่บังเอิญของพี่ปุ๋มมันรุนแรง เสียใจมาก เพราะพี่มีความผูกพัน พ่อแม่ทำงานที่นี่ ตอนปิดเทอมก็มาที่ทำงานพ่อกับแม่ พ่อสอนทำการบ้านเรา เราก็รู้สึกว่าผูกพันมาก เรารู้สึกว่าเราจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้วเหรอ"
ตอนประกาศเขาประกาศยังไง?
ปุ๋ม : "เขามีคำสั่งไปแปะที่โรงอาหาร และมีรายชื่อที่เลิกจ้าง 961 คน จากทั้งหมด 1,035 คนค่ะ"
แป้น : "ต้องบอกว่าสถานการณ์โควิด มีคำสั่งออกมาทุกเดือนให้เจ้าหน้าที่หยุดงานเป็นเดือนๆ ไป ตั้งแต่ เม.ย. ทุกครั้งจะบอกว่าเนื่องจากสถานการณ์โควิด และหน่วยงานขาดสภาพคล่อง เจ้าหน้าที่โอเค ยอมรับได้ ทีนี้พอ 1 มิ.ย. เจ้าหน้าที่คิดว่าคงได้กลับเข้ามาทำงาน แต่กลายเป็นว่ามีโทรศัพท์แจ้งว่าให้เข้ามาเก็บของส่วนตัวให้หมด เพราะจะมีคำสั่งเลิกจ้างแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เข้ามากัน พอมาก็เห็นประกาศคำสั่งเลิกจ้างทันที"
ช่วงหยุดโควิดได้เงินเดือนมั้ย?
แป้น : "มีส่วนหนึ่งมาทำงาน 200 กว่าคนได้ 100% ส่วนคนที่หยุดไม่มาทำงานให้ 75% แล้วเขาระบุว่า มิ.ย.จะได้เงิน 75% จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เลยค่ะ ทุกคนก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คิดว่าช่วงโควิดช่วยองค์การ ช่วยประเทศป้องกันการแพร่ระบาด"
พี่ปุ๋มเงินเดือนเท่าไหร่?
ปุ๋ม : "34,600 ค่ะ"
แป้น : "64,000"
ค่าใช้จ่ายต่อเดือน?
ปุ๋ม : "เยอะนะคะ เพราะเรามีกู้สหกรณ์ เราคิดว่าพอเกษียณเราผ่อนหมดแน่นอน พอเกิดเหตุแบบนี้ หนี้ก็ไม่หมด แถมเงินเยียวยาเราที่เลิกจ้างเรา ก็หมดไปกับการใช้หนี้ที่กู้มา บางคนไม่เหลือ บางคนติดลบ ก็เกิดปัญหา จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ในภาวะเศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้ว ทำให้เราตกงาน ปัญหาครอบครัวก็เกิด ทุกคนเดือดร้อน เราอยู่ในวัยที่ลูกยังเรียนหนังสือไม่จบ พี่ไม่มีลูก แต่เราต้องดูแลพ่อ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ที่เราคิดว่าครอบครัวเราจะได้มีความสุข แต่เราไม่มีเงินสดซื้อ เราก็ต้องกู้ เรารู้ว่าการกู้ของเราหมดแน่นอนถ้าได้เกษียณอายุ"
ตอนนี้เขาจะทำไงกับเงินกู้?
ปุ๋ม : "ก็เงินที่ได้รับการเยียวยา เขาก็จะหักเลย หักจากเงินที่กู้ทั้งหมด ถ้าไม่พอเขาก็คงไปตามเอาคนค้ำ ต่อเนื่องกันไปทอดๆ ทุกคนตกงานกันหมด ทุกคนเดือดร้อนกันหมดเลย แล้วสิ่งที่น่าเสียใจคือเราแคร์ความรู้สึกพ่อเรา พ่อเราโทษตัวเองว่าเขาเป็นคนทำให้ลูกๆ ตกงานหรือเปล่า เพราะพ่อเป็นรุ่นบุกเบิก เราก็เป็นห่วง ท่านอายุ 82 ท่านจะไหวมั้ยที่ลูกๆ 4 คนตกงานกันหมด แต่เราบอกพ่อว่าไม่ใช่ความผิดของพ่อ เป็นความผิดผู้บริหารที่ล้มเหลว ดำเนินธุรกิจด้วยความล้มเหลว และมาลงโทษที่ลูกจ้าง พนักงานอย่างเรา"
มีแขกรับเชิญเพิ่ม พี่เป้, พี่ป๊อบ, พี่ป๋วย ทั้ง 4 ท่านบ้านเดียวกัน ครอบครัวเดียวกันกับพี่ปุ๋ม ตอนนี้จะยังไงต่อดี?
เป้ : "ณ ตอนนี้เราไม่รู้จะจัดการชีวิตตัวเองต่อไปยังไง เพราะ ณ ตอนนี้เงินเดือนพี่ยังไม่ออกเลยนะ หยุดงานมา 2 เดือนครึ่ง เดือน มิ.ย ก็หยุดงาน 1 เดือน แต่เงินเดือนยังไม่ออก ไม่รู้จะทวงถามจากใคร ที่จริงความชัดเจนต้องมีก่อนว่าเงินเดือนจะออกให้เรามั้ย แต่พอก่อนสิ้นเดือน บอกว่าจะให้เราไปรับจากประกันสังคม 62% พี่ว่ามันโหดร้าย คนทำได้ขนาดนี้จิตใจไม่น่าปกติ เห็นความทุกข์คนอื่นเป็นเรื่องสนุกหรือยังไง คนพอไม่มีเงิน มันเดินไปไหนไม่ได้ วันนี้เราออกมายังต้องใช้ตังค์เลย อย่าพูดถึงเงินเก็บ เราไม่มีหรอก เราออกไปตอนนี้มีแต่ตัว แล้วทำกันในสถานการณ์โควิดระบาด เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ พี่ทำงานมาทั้งชีวิตอยู่กับที่นี่ นี่หรือคือสิ่งที่องค์การค้าตอบแทนพี่ ฝากถามไปถึงผู้บริหาร อย่าโยนความผิดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ คุณนั่นแหละต้องเป็นผู้รับผิดชอบ"
พี่เป้มีลูก 1 คนอายุ 20?
เป้ : "วันแรกที่ลูกรู้ข่าว เขาถามแม่ว่าเราจะไปกันยังไงแม่ ก็บอกว่าไม่เป็นไร มันต้องมีทางออก แม่มีพี่มีน้อง เขาคงไม่ปล่อยให้ลำบาก พี่เป็นหม้าย ดูแลลูกลำพัง"
พี่น้อง 4 คนทำงานที่เดียวกัน โดนเลิกจ้างพร้อมๆ กัน จะทำยังไง?
เป้ : "พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะจัดการยังไงกับตัวเอง พี่ไม่มีเงินสดติดมือเลย ณ วันนี้ตั้งแต่หยุดงาน 2 เดือนครึ่ง พี่ป๊อบ-ปุ๋ม-ป๋วย เป็นคนซื้อข้าวมาให้ที่บ้าน ถามว่าเงินเดือน 2 เดือนที่เราได้มา 75% แต่เราต้องใช้หนี้ไง เราพักชำระหนี้ได้ แต่ถ้าเราพัก ดอกเบี้ยเราก็เดิน แล้วเราไม่คิดว่าองค์การจะมาเลิกจ้างเรา เราก็จ่ายหนี้ตามปกติ มันถึงไม่มีเงินเก็บเลย อยากถามว่าทำกับเราได้ยังไง มันที่สุดแล้ว ณ วันนี้ (ร้องไห้) มันเหลือแต่ตัวกับภาระหนี้สิน ถามว่าใครจะช่วยเราได้บ้าง มันไปไหนไม่ได้แล้ว"
พี่ปุ๋มจะทำยังไงต่อ?
ปุ๋ม : "พี่ยังมีความฝันว่าเมื่อสื่อได้แถลงข่าวไปแบบนี้ พี่คิดว่าน่าจะไปรู้ถึงท่านนายกฯ ให้ท่านยกเลิกคำสั่ง ให้พวกเรากลับเข้าไปทำงาน พี่คิดแต่ว่าอยากเข้าไปทำงานต่อยันเกษียณอายุ เพื่อให้ครอบครัวเราจะได้ไม่มีปัญหา ได้มีงานทำ พี่เป็นห่วงสถาบันครอบครัวที่สุด ไม่อยากให้มีปัญหา แต่ห่วงที่สุดคือคุณพ่อ"
พี่ป๊อบ ในฐานะเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน รู้สึกยังไง?
ป๊อบ : "ทุกคนทำงานที่บริษัทอื่นมาก่อน แต่พ่อคิดว่าที่นี่มั่นคงที่สุดและดีที่สุดสำหรับลูก ก็เลยให้ลูกมาสอบ ไม่มีการใช้เส้น เมื่อมาตรงนี้ ทุกคนก็คิดว่าเราจะได้อยู่ไปจนเกษียณอายุ การมีหนี้สินทุกคนก็ต้องสร้างฐานะ แต่คำนวณแล้วว่าพอเกษียณจะหมดไป แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เหมือนเงินก้อนสุดท้ายเราหมดไปแล้ว หลังจากนี้เราจะทำยังไงดี เราต้องเป็นภาระของสังคม ซึ่งถ้าให้เราดำเนินชีวิตไปจนเกษียณ ทุกคนก็เตรียมพร้อมกันอยู่แล้ว ไม่มีใครคิดเลยว่าจะเกิดขึ้น ถ้าเป็นไปได้ อยากให้รัฐมนตรีหันมามองนิดนึง ร่วมกันแก้ไขปัญหาดีมั้ย ใช้วิธีการเจรจา หาทางประนีประนอมให้มากที่สุด อย่าใช้วิธีแบบนี้เลย มันโหดร้ายมาก ทุกคนเดือดร้อน ทุกคนมีครอบครัว อาจเป็นพัน หลายพัน ถามว่าทุกคนจะไปทางไหน พี่ตอบได้เลยว่าไม่รู้เหมือนกัน เงินก้อนที่ได้มาเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ต้องเอาไปชำระหนี้กันหมด มันจะไม่เหลืออะไรเลยแต่ละคน"
วันที่พี่ป๊อบรู้ว่าถูกเลิกจ้างงาน รู้สึกยังไง?
ป๊อบ : "พี่ป๊อบอยู่กับพี่ปุ๋ม เป็นคนประคอง เราเข้าใจน้อง ตอนเขากรี๊ด เขาเรียกชื่อพ่อแม่ เหมือนเราอยู่องค์กรนี้มานานมาก (ร้องไห้) มันผูกพัน ไม่น่าเกิดเหตุการณ์นี้ ทุกคนอยู่กันมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ อยู่ด้วยความรัก เหมือนเป็นบ้านหลังสุดท้ายที่ฝากชีวิต ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ปุบปับแบบนี้ ทุกคนก็งง และคงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ก็อยากให้นายกฯ รัฐมนตรี หันมามองเรานิดหนึ่ง เจรจากันดีมั้ย สถานการณ์แบบนี้เจ้าหน้าที่เขาก็รับรู้ ให้เขาได้แค่ 75% เขาก็ยอมรับกันได้ แต่ทำยังไงก็ได้ อย่าให้ถึงขั้นเลิกจ้างกันเลย มันร้ายแรงมาก"
พี่ป๋วย อยู่องค์กรนี้มานานเท่าไหร่?
ป๋วย : "29 ปี พอเราได้รับคำสั่งเลิกจ้าง พี่บอกได้เลยว่าทุกคนจุก พูดกันไม่ออก ทุกคนร้องไห้ พี่ๆ เขาอยู่ในโรงพิมพ์คุรุสภา พี่อยู่ศึกษาภัณฑ์ราชบพิธ เขาถ่ายมาให้ดูว่าตัวเองมีชื่อถูกเลิกจ้าง ทุกคนจุกหมด พี่ถูกพักงานตั้งแต่ 16 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย. รับ 75% มาโดยตลอด เรารู้ว่าองค์กรขาดสภาพคล่อง เราก็รับได้ แต่พอเรามีความหวังว่าจะกลับไปทำงาน ผู้ใหญ่พูดให้ความหวังตลอดว่าพวกคุณจะได้กลับ แต่สิ่งที่ผู้บริหารทำกับเราคือการเลิกจ้าง แล้วในชีวิตใครบ้างอยากเป็นหนี้เป็นสิน แต่ทุกคนต้องกู้สหกรณ์มาซื้อบ้าน ทุกคนมีภาระ มีช่วงหนึ่งพี่ต้องกู้สหกรณ์เพราะน้ำท่วมใหญ่บ้านพังหมด ต้องกู้เงินมาซ่อมบ้านตัวเอง อีก 10 ปีเกษียณก็มั่นใจว่าเงินเดือนที่เราได้มา เราสามารถส่งหนี้ได้โดยไม่เดือดร้อนใคร แต่คุณมาเลิกจ้างเรา กลายเป็นว่าทุกคนหมดแรง พอได้รับคำสั่งพี่รู้เลยว่าเขาจุกจนพูดไม่ออก เราก็จุกมาก แต่ต้องเข้มแข็ง ครอบครัวเรามันสาหัส"
"ตอนทำงานเราตั้งใจทำงาน เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานกันเต็มที่ ไม่มีใครขี้เกียจ ไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ พี่พูดได้เต็มปาก"
พี่ป๊อบทำงานส่วนไหน?
ป๊อบ : "สวัสดิการและแรงงานสัมพันธ์ ทุกคนปฏิบัติหน้าที่เต็มที่ เพราะเขาคิดว่าที่นี่คือบ้าน อยู่กันอย่างพี่น้อง ทุกคนทำงานเต็มที่เท่าที่ความสามารถจะมี"
พี่ปุ๋มอยู่ส่วนไหน?
ปุ๋ม : "อยู่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ฝ่ายคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับหน้าร้านหรือคลังสินค้า เป็นคนคอยซัปพอร์ตเมื่อเขาเกิดปัญหา แต่มีความสุขในการทำงานค่ะ"
พี่เป้อยู่ฝ่ายไหน?
เป้ : "ค่าแรงและภาษี มีหน้าที่คีย์ทุกอย่าง ภาษี ณ ที่จ่ายขององค์การทั้งหมด และขายสดทั้งหมดขององค์กร เงินเดือนของทุกคนเราจะรู้ หรือบางคนเหลือรับเงินเท่าไหร่ เราเห็นแล้วว่าทุกคนมีความลำบากหมด ผู้บริหารบางท่านอาจพูดว่าหนี้คุณสร้างขึ้นมาเอง แต่ทุกคนก็ต้องมีหลักประกันให้ตัวเอง ถ้าไม่กู้ องค์การให้เราฟรีๆ มั้ย ก็เปล่า พี่เข้ามาตั้งแต่เงินเดือน 4,100 บาท ตอนนี้ 28 ปีของการทำงาน พี่ยังไม่ถึง 3 หมื่น นี่คือการตอบแทนการทำงานของพี่ที่เกินร้อยด้วยซ้ำไปในชีวิต"
ทำไมองค์กรถึงขาดทุน?
เป้ : "การบริหารไงคะ พวกพี่รับนโยบายมาเพื่อปฏิบัติตาม แต่ผู้บริหารต้องหางาน หาเงิน ที่แล้วมากลับเข้ามาจริง แต่มาลดค่าใช้จ่าย ถึงขนาดพวกพี่ต้องทำความสะอาดเองก็มีมาแล้วเพราะบอกว่าองค์การขาดสภาพคล่อง เราก็ช่วย ซื้อไม้กวาดม๊อบกันเอง ถามว่าเงินเดือนที่หักเราไป 25% ในสองเดือนครึ่ง มันเสริมสภาพคล่องให้องค์การไม่ได้เลยเหรอ นี่หรือการตอบแทนที่เราทุ่มเททั้งครอบครัว มันไม่เหลือ (ร้องไห้) พี่ต้องสู้ถึงที่สุด มันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว วันนี้ต้องยอมฝากสื่อ ยอมไปทุกที่ที่จะรับเรื่องร้องเรียนให้เราได้ ฝากเสียงเล็กๆ ของเราให้ดังถึงนายกฯ รมต.กระทรวงศึกษา พิจารณาใหม่เถอะค่ะ เปลี่ยนจากเลิกจ้างเป็นแผนฟื้นฟูเถอะค่ะ"
พี่แป้นอยู่ในองค์กรมานานที่สุด อยากบอกอะไร?
แป้น : "เรื่องขาดทุน สมัยก่อนผู้อำนวยการของเรามาบริหารงานจริงจังอยู่เป็นสิบๆ ปี แต่พอท่านเกษียณ ทางคณะกรรมการหรือกระทรวงส่งคนมาดูแลใหม่ปีต่อปี บางทีก็ 2 ปี เอาจากอธิบดีที่กำลังจะเกษียณมาอยู่ โครงการต่างๆ ที่ ผอ.คนเก่าได้ทำเอาไว้ไม่มาสานต่อ ทั้งที่เราลงทุนไปแล้ว มันก็มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น พอตัวเองมาใหม่ก็ทำโครงการใหม่ อยู่ไม่ถึง 2 ปีก็ทิ้งโครงการอีก ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็มากเหมือนกันนะ มันก็สิ้นเปลืองเงินงบประมาณ ท่านที่เข้ามาไม่ใช่บรรดานักธุรกิจ เป็นข้าราชการ งานเราช้ามาก จะเสนออะไรแต่ละอย่าง ต้องเสนอกรรมการ เดือนหนึ่งประชุมหนหนึ่งแล้วจะทันมั้ยคะ แล้วการขาดสภาพคล่อง พนักงานส่วนใหญ่ไม่ทราบ สมัยก่อนที่อยู่ได้รับโบนัสมากที่สุดคือ 2 เดือน เรามีเงินส่งไปช่วยคุรุสภา 1,700 ล้านตั้งแต่ปี 29-48 ให้กระทรวงศึกษาฯ 62 ล้าน แต่ทุกวันนี้เราไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงเป็นหนี้ เกิดเพราะอะไร"
มีการทุจริตหรือเปล่า?
เป้ : "พี่คิดว่าเป็นที่ดินหรือเปล่า ที่เลิกจ้างเรากะทันหัน เพราะรถไฟฟ้ามา ที่ดินแพงขึ้น องค์การค้าตัวแม่ได้เงินงบประมาณ แต่แม่ไม่เคยแบ่งเงินให้ลูก เราเป็นองค์กรลูก องค์กรแม่ไม่เคยแบ่งเงินมาให้เรา เรายืนอยู่ด้วยตัวของเราเอง เขาเปิดศึกษาภัณฑ์ 9 สาขาขายของ เราเปิดกันทั่วประเทศ ทุกคนมีความสุข แต่พอ ผอ. ไป ทุกอย่างก็ล้มกระดานไปหมด ทุกคนอยากเป็น ผอ.องค์การค้า เงินเดือนแสนห้า รอง ผอ. แสนสอง แล้วที่ปรึกษาอีกคนละ 5 หมื่น เบี้ยประชุมเบิกได้ไม่อั้น เงินมันมหาศาล ถามว่าองค์การค้าขาดสภาพคล่อง ไม่มีผลกำไร ขาดทุนมา 15 ปี แต่ทำไมใครๆ อยากเป็น ผอ.องค์การค้า ฝากให้คิดด้วยค่ะ"
พี่เป้มีอะไรจะฝากถึงท่านนายกฯ?
เป้ : "ถ้าให้ฝากจากใจเจ้าหน้าที่ 961 คน มีท่านคนเดียวเท่านั้นที่จะยกเลิกคำสั่งนี้ได้ ขอร้องเถอะค่ะในฐานะที่เป็นตัวแทนพนักงาน เรามาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนเจ้าหน้าที่ทุกคน ขอร้องให้ท่านทบทวนมติครั้งนี้ใหม่ ยกเลิกการเลิกจ้าง เปลี่ยนเป็นแผนฟื้นฟู เจ้าหน้าที่พร้อมปรับปรุงรับเทคโนโลยีใหม่ ทุกคนยอมรับได้ การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดนะคะ"