ตำรวจกำชับ 11 กลุ่มผู้โดยสารบินมาไทย ต้องตรวจเข้มป้องกันโควิด-19
ตำรวจกำชับ 11 กลุ่มผู้โดยสารเดินทางจากต่างประเทศเข้าไทย ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 12) ลงวันที่ 30 มิ.ย. 63 และ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 7/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 6) ลงวันที่ 30 มิ.ย. 63 ประกอบกับ ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง กำหนดเงื่อนไขในการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 2 ก.ค. 63 ซึ่งห้ามอากาศยานขนส่งบุคคลทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานประเทศไทย เว้นแต่เป็นกรณี 11 กลุ่มผู้โดยสาร นั้น
ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของบุคคลประเภทใดประเภทหนึ่ง ในจำนวน 11 กลุ่มที่ได้รับการยกเว้นทางอากาศยาน ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา และหลักเกณฑ์ที่กำหนด เช่น กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง กฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ และกฎหมายว่าด้วยการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรคและจัดระเบียบจำนวนบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้สอดคล้องกับความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองและการจัดสถานที่ไว้แยกกัน กักกัน หรือคุมไว้สังเกต โดยผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้ง 11 กลุ่ม จะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อันดับแรก ในการเตรียมตัวก่อนเดินทาง ผู้โดยสารต้องตรวจสอบว่าเป็นบุคคลตามข้อยกเว้น 11 กลุ่มหรือไม่ พร้อมกับเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องตามเงื่อนไขบุคคลแต่ละประเภท โดยติดต่อสถานทูตไทยหรือกงสุลไทย ประจำประเทศต้นทาง เพื่อขอหนังสือรับรอง (Certificate of Entry)
ซึ่งผู้โดยสาร (เฉพาะบุคคลบางประเภท) ต้องมีใบรับรองการตรวจ COVID-19 FREE โดยวิธี RT-PCR มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง มีการทำประกันภัยครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลโรคโควิด-19 ตลอดระยะเวลาในไทยวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเข้ารับการกักตัวในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) หรือ สถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้เป็นทางเลือก (Alternative State Quarantine) หรือคุมตัวไว้สังเกตตามมาตรการควบคุมโรค ตามเงื่อนไขของแต่ละประเภท และเมื่อเข้ามาภายในราชอาณาจักรแล้ว ผู้เดินทางต้องโหลดแอปพลิเคชั่น เพื่อติดตามอาการ เข้าสถานที่ต่างๆ และรายงานสุขภาพตนเอง
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ขานรับนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส./ผอ.ศปม. ในกรณีอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยตามการผ่อนปรนของ ศบค. โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด เพื่อการควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พร้อมหน่วยร่วมปฏิบัติทุกภาคส่วน ยังคงมาตรการเข้มข้นในกระบวนการคัดกรองและกักกันคนไทย หรือบุคคลที่ได้รับการยกเว้นที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศ ตามมาตรการและแนวทางที่กรมควบคุมโรคกำหนดไว้โดยเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดและให้ประเทศไทยปราศจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากต่างประเทศเข้ามา