ครูชายแชตฉาว คุกคามนักเรียนชาย อ้างพิมพ์เข้าไปในแอปหาคู่ มารู้ทีหลังว่าเป็นลูกศิษย์

ครูชายแชตฉาว คุกคามนักเรียนชาย อ้างพิมพ์เข้าไปในแอปหาคู่ มารู้ทีหลังว่าเป็นลูกศิษย์

ครูชายแชตฉาว คุกคามนักเรียนชาย อ้างพิมพ์เข้าไปในแอปหาคู่ มารู้ทีหลังว่าเป็นลูกศิษย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 6 ก.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้” และเฟซบุ๊ก “กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท” ได้โพสต์ภาพข้อความที่อ้างว่า เป็นครูชายในโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แชตข้อความถึงลูกศิษย์ชายในทำนองเชิงลามกอนาจาร คุกคามทางเพศ มีทั้งการใช้คำเรียกนักเรียนที่ไม่เหมาะสม การใช้วาจากับนักเรียนที่ผิดจรรยาบรรณครูอย่างชัดเจน ไปจนถึงการคุกคามที่รุนแรง อย่างการทักไปหานักเรียนว่า “น่า...จริง ๆ” หรือถามว่า “ช่วยตัวเองอยู่หรือเปล่า” และครูคนดังกล่าวยังมีการขู่จะปรับตกเมื่อนักเรียนไม่ยอมทำตามที่ต้องการอีกด้วย จึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนดังกล่าว ปรากฏว่าอยู่ในช่วงปิดวันหยุดยาวต่อเนื่อง มีเพียงครูที่มาเข้าเวรแต่ไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามครูที่ถูกกล่าวหา ยอมรับว่าเป็นผู้ส่งข้อความดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน เนื่องจากต้องรอปรึกษาและคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเสียก่อน แต่ทั้งนี้ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะคุกคามทางเพศเด็กแต่อย่างไร โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2562 โดยตอนนั้นตนเข้าไปในแอปฯ หาคู่เกย์ และมีภาพสมาชิกในกลุ่มขึ้นว่าอยู่ใกล้ๆกัน จึงได้พิมพ์ไปว่า “น่า..จังเลย” ซึ่งในกลุ่มสมาชิกหากโพสต์ไปแล้วก็จะดูว่ามีการตอบรับอะไรกันหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าในรายของตน ยังไม่มีการตอบรับ จึงได้เข้าไปดูอีกครั้งก็พบว่า เป็นลูกศิษย์ตนเอง ตนจึงทักไปอีกเพื่อที่จะเตือนว่านักเรียนไม่ควรเข้ามาเล่นในกลุ่มนี้เพราะยังเด็ก แต่นักเรียนคนดังกล่าวก็ไม่อ่านหรือตอบกลับมาเลย ซึ่งตนก็ลืมไปแล้ว กระทั่งมีคนนำแชตดังกล่าวมาโพสต์ในโซเชียล

ด้านนายประทีบ เหลืองทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนหล่มสักวิทยาคม กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าเป็นการตอบโต้ หยอกล้อกัน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งตนก็เพิ่งย้ายมาเมื่อช่วงต้นธันวาคม 2562 และจากกรณีดังกล่าวสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสั่งให้ตรวจสอบ ขณะนี้ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้รองผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลเป็นประธานกรรมการ และให้ดำเนินการตรวจสอบให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อรายงานให้เขตพื้นที่การศึกษาทราบ ซึ่งหลังจากข่าวนี้เผยแพร่ไปแล้วสำนักงานพื้นที่ได้มีความกังวลและเป็นห่วงในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากกระทบกับภาพลักษณ์ของความเป็นครู และได้ให้คณะกรรมการเร่งตรวจสอบเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook