สุเทพลั่นรัฐบาลไม่แกล้งพนักงานเอสซี
รวบ 2 พนักงาน เอสซี แอสเสท มือแพร่คลิปเสียงนายกฯ อภิสิทธิ์ ด้านผบช.ก.เค้นสอบหาต้นตอ เจ้าตัวปัดขอให้การชั้นศาล ก่อนยื่นคนละ 1 แสนประกันตัว ตร.เตรียมค้นบริษัทหาหลักฐาน พร้อมปฏิเสธให้ข้อมูลสื่อ อ้างผู้ใหญ่สั่งห้าม เอสซี แอสเสท ยันไม่เกี่ยวปล่อยคลิป
(31ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนหาต้นตอคลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านทางอีเมล์ ว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. ได้ทำการจับกุมผู้ที่เผยแพร่คลิปดังกล่าวผ่านทางอีเมล์ จำนวน 2 คน คือ นายสมศักดิ์ แซ่อึง อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2511/2552 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2552 ข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 181/8 ซ.ประสานสารบรรณ แขวงและเขตดินแดง กทม.
ส่วนรายที่สองได้จับกุม น.ส.กันทิมา แต้มครู อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/2 ม.6 ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2512/2552 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2552 ในข้อหาเดียวกัน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประ ชาชน โดยจับกุมได้ที่ห้อง 307 อาคารปิ่นมาลี อพาร์ทเม้นท์ แขวงและเขตจตุจักร กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตำรวจกองปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองแล้ว พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. ได้เดินทางมายังกองปราบปรามเพื่อสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง และจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเป็นพนักงานบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อาคารชินวัตร 3 ถ.วิภาวดีรังสิต ส่วนรายละเอียดในคดีนั้นผู้ต้องหาทั้งสองขอให้การในชั้นศาล จากนั้นทั้งสองได้ใช้เงินสดคนละ 1 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้พล.ต.ท.ไถง ได้มีคำสั่งห้ามตำรวจที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลใดๆกับสื่อมวลชน โดยอ้างว่าได้มีการปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดต่อคลิปเสียง แต่เป็นเพียงผู้ส่งไฟล์คลิปเสียงผ่านทางอีเมล์ของบริษัท เอสซี แอสเสทฯ โดยที่มาของคลิปเสียงนั้นพบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาเป็นผู้ได้รับแจกแผ่นซีดีคลิปเสียงดังกล่าวมาอีกทอดหนึ่ง จากนั้นได้มีการนำไฟล์ไปแปลงเพื่อให้สามารถส่งต่อผ่านอีเมล์บริษัทได้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลอยู่ว่าผู้ต้องหานั้นได้แผ่นซีดีมาจากใคร และกำลังขยายผลเข้าตรวจค้นบริษัทเอสซี แอสเสทฯ ซึ่งเป็นที่ทำงานของคนทั้งสองเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย
"เอสซี แอสเสท"ยันไม่เกี่ยวปล่อยคลิป
ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. สั่งการให้ พนักงานสอบสวน บก.ป. ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นโต๊ะทำงานของนายสมศักดิ์ และน.ส.กันทิมา สองพนักงานบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาเผยแพร่คลิปเสียงนายกฯ ที่แผนกธุรกิจสัมพันธ์ ชั้น 19-20 อาคารชินวัตร 3 เลขที่ 1010 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวง และเขตจตุจักร โดยให้เจ้าหน้าที่ ศตท.นำอุปกรณ์โคลนนิ่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานผู้ต้องหามา รวมทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของพยานบางคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ต้องหาทั้งสองมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้นำเอกสารชี้แจงเรื่องดังกล่าวจากทางบริษัทมาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชน โดยในเอกสารดังกล่าวระบุว่า วันนี้ เวลา 11.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นศาลอาญามาที่บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อขอตรวจสอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของพนักงานบริษัทฯบางรายการเฉพาะพนักงานบริษัทฯที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทางบริษัทฯ โดยผู้แทนได้ทราบวัตถุประสงค์ของเจ้าพนักงานตำรวจจึงให้ความร่วมมือในการตรวจสอบด้วยดี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของบริษัทฯ ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และเพื่อให้สังคมโดยทั่วไปเข้าใจได้ว่าบริษัทมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการแผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลทางคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
วันนี้บริษัทได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นทราบข้อเท็จจริงว่า พนักงานที่ต้องสงสัยและถูกกล่าวหา "มิได้เกี่ยวข้องและกระทำการใดๆในลักษณะเป็นผู้ผลิตหรือตัดต่อคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติงาน ห้ามพนักงานใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว และขณะนี้บริษัทได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
สำหรับเรื่องที่พนักงานบริษัทฯถูกกล่าวหาจากเจ้าพนักงานตำรวจ บริษัทฯทราบว่าพนักงานที่ถูกกล่าวหาได้ให้การปฏิเสธในเรื่องที่ถูกกล่าวหาในชั้นจับกุม และในชั้นสอบสวน โดยจะขอทำคำให้การเป็นหนังสือชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน และมิได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ตัดต่อคลิปตามที่เป็นข่าว และพนักงานบริษัทฯที่ถูกกล่าวหายืนยันข้อเท็จจริงว่ามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกลุ่มการเมืองทั้งสิ้น บริษัทฯขอยืนยันว่าบริษัทฯประกอบธุรกิจและมีจุดยืนที่จะไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองจึงขอชี้แจ้งข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่บริเวณชั้นล่างอาคารชินวัตร 3 นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความ ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฎหมายตระกูลชินวัตร ยอมรับว่า พนักงานบริษัทฯทั้งสองมีคลิปเสียงนายกฯจริง แต่ได้รับฟอร์เวิร์ดเมล์มาจากที่อื่น ไม่ได้เป็นผู้ผลิตหรือตัดต่อคลิปดังกล่าวแต่อย่างใด จะเป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่าเพื่อนของ น.ส.กันทิมา เป็นผู้ได้รับแผ่นซีดีคลิปเสียงนายกฯมาจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนแจกแผ่นซีดีอยู่ที่ท่ารถตู้โดยสารสาธารณะ บริเวณท่ารถตู้ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังได้รับมาก็นำมาเปิดฟัง และคิดจะส่งไปให้เพื่อนทางอีเมล์ แต่ไม่สามารถส่งไฟล์ผ่านทางอีเมล์ได้จึงไปขอความช่วยเหลือจากนายสมศักดิ์ เพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันจัดการแปลงไฟล์ หลังจากนายสมศักดิ์ แปลงไฟล์เสร็จจึงส่งไฟล์ดังกล่าวกลับมาให้ น.ส.กันทิมา ทางอีเมลล์ จากนั้น น.ส.กันทิมาก็ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ ก่อนที่จะแพร่กระจายไประบบอินเตอร์เน็ต ส่วนซีดีที่ได้มานั้นหลังจากแปลงไฟล์เรียบร้อยแล้วก็ได้หักทิ้งไปทันที
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายสมศักดิ์ เป็นผู้นำคลิปเสียงดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นคนแรก และส่งต่อให้กับ น.ส.กันทิมา เพียงคนเดียว โดยใช้ชื่อไฟล์ในการส่งว่า "คลิป ฟอร์ ยู" แต่ไม่ได้ส่งต่อไปให้คนอื่นๆ ส่วน น.ส.กันทิมา นั้นได้ส่งต่อไปให้เพื่อนๆ อีก 6 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนเพื่อไปให้ถึงต้นตอผู้ที่ตัดต่อคลิปนั้น ได้แยกออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือที่มาของแผ่นซีดีที่ น.ส.กันทิมา อ้างว่าได้มาจากการแจกจ่าย ส่วนที่สองนั้นคือการสืบสวนหาที่มาตามที่ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ระบุว่าได้คลิปเสียงมาจากเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่มีคนนำไปโพสต์ไว้ ก่อนนำไปเปิดกระจายเสียงที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร ซึ่งในส่วนนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า นายขวัญชัย ได้นำคลิปเสียงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ เพราะหากไม่ได้นำเข้าสู่ระบบก็ไม่สามารถดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เช่นเดียวกับที่พนักงาน บริษัท เอสซี แอสเสทฯ ทั้งสองถูกดำเนินคดี
ตร.ห้ามเผยแพร่คลิปอภิสิทธิ์จับได้ถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง.ผบช.ก.กล่าวถึง คดีจับกุมผู้ต้องหาตัดต่อคลิปเสียง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองบัญการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนดำเนินคดี และพล.ต.ท.ถไหง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้แล้ว และได้มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าชุดสอบสวนซึ่ง ได้แบ่งทีมงานออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย 1.ขั้นตอนการทำหรือตัดต่อคลิป 2.สืบสวนในเรื่องการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และ3.คือการนำคลิปดังกล่าวออกเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งจากการสอบสวนและหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่มีความคืบหน้าไปมาก ได้ทำการขยายผลไปถึงต้นตอ รวมถึงบุคคลที่ร่วมขบวนการในการผลิตคลิปดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดมากไปกว่านี้ได้ เพราะจะทำให้เสียรูปคดี
พล.ต.ต. ปัญญา กล่าวด้วยว่า อยากฝากเตือนพี่น้องประชาชน ที่ได้รับคลิปดังกล่าวอย่าเผยแพร่ต่อเนื่องจากจะมีความผิดหากถูกจับได้ถูกจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่าถือว่าเป็นเรื่องสนุก เพราะการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายอย่างชัดเจน
สุเทพลั่นรัฐบาลไม่แกล้งพนักงานเอสซีฯ
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เรื่องนั้นดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางต้องให้เจ้าหน้าที่ดูแลดำเนินคดีกับคนเหล่านั้นต่อไป และผบ.ตร.รายงานให้ตนทราบว่าได้ขอหมายศาลไปตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัย และสำนักงานบริษัทเอสซีแอสเสท และได้ว่ากันต่อไปตามเอกสารหลักฐาน อย่างไรก็ตามคงไม่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการที่เป็นคนกลางจากส่วนใดขึ้นมาสอบเรื่องนี้ เพราะเจ้าพนักงานมีหน้าที่ที่ต้องดูแลตามกฎหมายอยู่แล้ว เจ้าพนักงานทั้งหลายก็ต้องเป็นกลางอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ทางตำรวจยังไม่สามารถสอบไปถึงต้นตอการทำได้ เพียงได้แค่การส่งเท่านั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ขั้นตอนไหนที่มีพยานหลักฐานความผิดก็ต้องดำเนินการตามความผิดและพยานหลักฐานที่มี ภายใต้กฎหมายอาญาธรรมดา และต้องแล้วแต่พ.ร.บ. เพราะบางคนอาจจะเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิค เมื่อถามว่า แต่พรรคเพื่อไทยเกรงว่ารัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เล่นงานคนในตระกูลชินวัตรซึ่งเกี่ยวเนื่องกับบริษัทเอสซีแอสเสท นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีแน่ เพราะรัฐบาลไม่แกล้งใครหรอก ว่าไปตามข้อมูลหลักฐาน