UN ชี้ “โควิด-19” ทำให้การต่อสู้กับ “โรคเอดส์” ยากขึ้นกว่าเดิม
การต่อสู้กับ “โรคเอดส์” ถือเป็นเรื่องยากและท้าทายระบบสาธารณสุขทั่วโลกมาอย่างยาวนาน แต่การระบาดของโรคโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกในตอนนี้ ส่งผลให้การต่อสู้และรับมือกับโรคเอดส์กลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นไปอีก โดยองค์การสหประชาชาติ (United Nations หรือ UN) ระบุว่า ทั่วโลกจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการจัดการโรคเอดส์ สำหรับปี 2020 ได้ ข้อมูลของปี 2019 แสดงจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV กว่า 38 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนมากกว่าปี 2018 ถึง 1 ล้านคน ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อ HIV กว่า 25.4 ล้านคน ได้รับยาต้านรีโทรไวรัส แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อ HIV อีกกว่า 12 ล้านคน ที่ไม่สามารถเข้าถึงยาต้านได้
รายงานของ UN ยังชี้อีกว่า ทั่วโลกไม่สามารถจัดการกับการระบาดของเชื้อ HIV ได้ โดยในปี 2019 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากขึ้นกว่า 1.7 ล้านราย และพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคเอดส์มากที่สุดคือ ยุโรปตะวันออกและเอเชียกลาง ซึ่งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นกว่า 72 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ในพื้นที่อื่น ๆ เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ มีผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ และในลาตินอเมริกา เพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้กับโรคเอดส์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงการล็อกดาวน์และการประกาศห้ามเดินทางที่ทำให้การเข้าถึงยาต้านและการรักษาโรคต้องเลื่อนออกไป สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500,000 ราย บริเวณพื้นที่แอฟริกาใต้สะฮาราในช่วงปีถัดไป ซึ่งทำให้ภูมิภาคแอฟริกาต้องย้อนกลับไปเผชิญกับปัญหาโรคเอดส์ ในระดับเดียวกับปี 2008 หรือเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา