โผล่อีก "หนุ่มใหญ่โอนไว" โอนเงินรวม 4 ล้าน ให้สาวในเฟซบุ๊กทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า
หนุ่มใหญ่สุดช้ำ เจอสาวในเฟซบุ๊กหลอกให้หลงรัก โอนเงินให้ 4 ล้าน ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า แถมถูกด่ากลับแบบเจ็บๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 ก.ค.63 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายปรีชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี อดีตหัวหน้างานบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชาวจังหวัดสระบุรี เดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยเหลือติดตามเงินที่ถูกหลอกไปกว่า 4 ล้านบาท จาก นางสาวนิภาพร หรือ แจง อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ หลังรู้จักพูดคุยกันทางเฟซบุ๊กจนสนิทสนมคบหาเป็นแฟน และถูกหลอกให้โอนเงินไปทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้า
นายปรีชา กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตว่า เมื่อปี 2561 ตนเองรู้จักกับน้องแจงทางเฟซบุ๊ก พูดคุยกันตลอดทั้งวันทั้งคืนจนคบหาเป็นแฟน หลังจากนั้นน้องแจงก็บอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตไม่มีเงินจัดงาน เลยโอนไปให้ 40,000 บาท เพื่อช่วยเหลือ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็มาบอกว่าคุณแม่เสียอีก พร้อมถ่ายรูปในงานศพมาให้ดูตนก็ช่วยงานไปอีก 40,000 บาท
จนกระทั่งวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนเองได้ขอเออรี่รีไทร์ออกจากงานที่ทำ และได้เงินสดมาอีกกว่า 2 ล้านบาท น้องแจงได้ทักเฟซบุ๊กมาบอกว่าตนเองมีที่ดิน 3 ไร่กว่าที่เชียงใหม่จะขาย แต่คนซื้อบอกว่าหน้าที่ดินแคบ น้องเขาอยากซื้อที่ดินด้านข้างเพื่อให้หน้ากว้างจะได้ขายได้ ตนจึงโอนเงินทางโทรศัพท์ไปให้น้องแจง 1.3 ล้านบาทในวันนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขาย ก็คิดว่าเป็นช่วงโควิด-19 ระบาด คงซื้อขายกันไม่สำเร็จ
จากนั้นน้องแจงได้เขียนจดหมายเป็นหลักฐานข้อความว่าจะอยู่กินเป็นสามีภรรยากับตน ขอให้ตนมั่นใจได้ พร้อมปรับทุกข์ว่าไม่มีเงินใช้ที่ดินก็ไปจำนอง แถมไปค้ำประกันเพื่อนซื้อรถจนถูกออกหมายจับ ตนเองเกิดความสงสารเลยโอนเงินไปให้อีกหลายแสนบาท เพื่อไถ่ถอนที่ดินและช่วยเหลือคดีที่ไปค้ำประกัน รวมแล้วที่ผ่านมามีสลิปโอนเงินเป็นหลักฐานกว่า 4 ล้านบาท
จนทุกวันนี้เหลือเงินติดกระเป๋าในชีวิตเพียงหมื่นกว่าบาท ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาเคลียร์บัตรเครดิต และผ่อนรถที่ใช้อยู่ บางครั้งอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด ที่เจ็บช้ำใจคือพอตนไปทวงเงินฝ่ายหญิงก็ต่อว่ากลับมาว่า "โง่แล้วโง่อีก จะมาอะไรมากมายกับเขา" ตนเองไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากทนาย ให้ช่วยติดตามเงินที่ถูกหลอกลวงไปด้วย
ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีผู้เสียหายมาร้องเรียนถูกหลอกโอนเงิน ก่อนอื่นต้องตรวจสอบหลักฐานว่าเป็นการให้เงินโดยเสน่หา หรือเป็นการฉ้อโกง แต่เบื้องต้นผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความในพื้นที่ๆ สภ.เสาไห้ แล้ว ต้องมาตามต่อว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดำเนินคดีอย่างไร
ตั้งแต่ตนทำคดีมายอมรับเลยว่า เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกที่ผู้เสียหายเสียเงิน 4 ล้านบาท ให้ทั้งที่ๆ ยังที่ไม่เคยแม้แต่จะเจอหน้ากันเลย คดีนี้ยอมรับว่าเหนื่อย เพราะมีประเด็นว่าให้เพราะเสน่หาหรือให้ยืมหรือเป็นคดีฉ้อโกง การโอนแต่ละครั้ง มี 1.3 ล้านบาท คือมากสุด อาจจะเป็นประเด็นเรื่องฉ้อโกง ต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทนายรณณรงค์ฝากเตือนเรื่องรักออนไลน์ ถ้ามีการโอนเงินอยากให้เจอตัวกัน และลองคบหาดูใจก่อนที่จะโอนเงินไปให้อีกฝ่าย