ท้าทายกฎหมาย! อ้างสิทธิ์กั้นรั้ว-ติดป้ายห้ามผ่านไป "ผาหัวสิงห์"
เพชรบูรณ์-กั้นรั้ว-ติดป้ายห้ามผ่านไปผาหัวสิงห์ "พ.อ.พงษ์เพชร" แจงพื้นที่ตรวจยึดแล้วตกเป็นของรัฐ ชี้เย้ยกฎหมายเตรียมเอาผิดอีก
หลังจากคณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่และสิ่งปลูกสร้าง พร้อมแจ้งดำเนินคดีผู้ครอบครองที่ดินจำนวน 3 ราย บริเวณผาหัวสิงห์ภูทับเบิก หมู่ 8 ต.บ้านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ปรากฏว่าได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “ซับบอนซิตี้ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์” โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ส่วนหัวเป็นของอุทยาน ส่วนทางเข้าเป็นของม้ง สั่งม้งรื้อม้งก็รื้อ แต่ม้งไม่ให้ผ่านทางเข้าบ้านม้ง อยากเที่ยวให้พวกคุณบินไป ดราม่าดีนัก จบแยกย้าย ส่วนภาพที่โพสต์เป็นบริเวณพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เพิ่งตรวจยึดและติดประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 35/2559 ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 15 วัน โดยภาพดังกล่าวมีการกั้นรั้วพร้อมติดป้าย “ปิดชั่วคราวไม่มีกำหนด บุคคลภายนอกห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.63”
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. กล่าวว่า พื้นที่บริเวณนี้เมื่อมีการตรวจยึดดำเนินคดีพร้อมติดป้ายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดแล้ว พื้นที่ได้กลับมาเป็นของรัฐตามเดิมแล้วและบุคคลทั่วไปก็สามารถจะใช้ได้เพราะเป็นป่า ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นใครที่ทำรั้วมากั้นหรือเขียนป้ายแจ้งก็ถือว่าเป็นผู้บุกรุกครอบครอง ซึ่งจำเป็นจะต้องแจ้งดำเนินคดีทั้งหมด ขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณนี้อยู่นอกพื้นที่รัฐจัดสรรให้และเป็นสภาพป่าทั่วไป ฉะนั้นการที่มาจับจองและทำกินบ้างไม่ทำกินบ้างทำให้ไม่เข้าเงื่อนไขในการถือครอง
หน.ชป.ศปป.4 กอรมน. กล่าวว่า เดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นสภาพป่าแต่มีการอ้างการครอบครองทำกินมานาน เราก็ให้ความเป็นธรรมแต่เมื่อตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศและให้ชี้แนวเขต ปรากฏว่านอกจากจะชี้แนวเขตไม่ตรงแล้วยังมีการขยายพื้นที่ออกไปอีก โดยเฉพาะเมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศเดิม พื้นที่บริเวณนี้ลักษณะเป็นป่าแบบทุ่งหญ้าซาวันนาและมีความสูงชันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้อาจจะมีพื้นที่เพียงบางส่วนที่เพาะปลูกกะหล่ำได้ ฉะนั้นการกระทำดังกล่าวดูแล้วถือเป็นการท้าทายกฎหมาย