เสี่ยวิกรม ร้อง จงรัก แก๊งเลียนเสียงอ้างชื่อตุ๋น
วิกรม ร้อง จงรัก แก๊งเลียนเสียงอ้างชื่อตุ๋น หลอกขอรับเงินบริจาค นำไปสร้างโรงเรียนในจังหวัดภาคใต้
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 ก.ย. นายวิกรม กรมดิษฐ์ อายุ 56 ปี เจ้าของประธานมูลนิธิอมตะ และเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างชื่อตัวเอง พร้อมเลียนเสียง หลอกขอรับเงินบริจาคนำไปสร้างโรงเรียนในจังหวัดภาคใต้
นายวิกรม เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ต.ค.51 ได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่ง เลียนเสียงอ้างตัวเป็นดาราสาวชื่อดัง และให้พูดคุยกับผู้หญิงอีกคน อ้างว่า คือ "คุณหญิง" คนหนึ่ง โดยทั้งคู่ขอให้บริจาคเงินซื้อข้าวสารส่งไปช่วยเหลือคนในภาคใต้ ตนก็ตกลงบริจาคเงินซื้อไป 100 กระสอบ แต่รู้สึกเอะใจสงสัย จึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่กรมประชาสัมพันธ์ พบว่า ไม่มีโครงการดังกล่าว เช้าวันต่อมาก็ยังโทรศัพท์มาหาอีก ตนจึงวางแผนนำเงินโอนเข้าบัญชีให้ ก่อนจะแจ้งตำรวจตามจับกุม แต่เจ้าของบัญชีคนดังกล่าวบอกว่า ทำสมุดบัญชีหาย และไม่รู้เรื่อง หรือเกี่ยวข้องด้วย ตำรวจจึงปล่อยตัวไป
"เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีก แต่คราวนี้แก๊งต้มตุ๋นเลียนเสียงผม โทรศัพท์ไปหลอกบริษัทแห่งหนึ่งในละแวกอมตะนคร ขอให้ช่วยบริจาคเงิน เพื่อร่วมสร้างโรงเรียนในจังหวัดภาคใต้ แต่คนถูกหลอกโทรศัพท์มาสอบถามผม เรื่องเลยแดงขึ้น ผมเลยวางแผนให้คนที่ถูกหลอกนัดแก๊งต้มตุ๋นมาพบที่หน้า บริษัท อมตะ คอมร์ป และมูลนิธิอมตะ จนจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 1 ราย เป็นชายรูปร่างอ้วน อายุประมาณ 35 ปี แต่ระหว่างนั้นชายคนนี้ก็ฉวยจังหวะหักซิมโทรศัพท์ทิ้งไปทันที เลยไม่มีหลักฐานในการจับกุม" นายวิกรม กล่าว และว่า ช่วงนี้มักมีคนโทรฯ มายังสำนักงานถามว่า ตนมีที่ดินอยู่ละแวกเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา หรือ จ.ชลบุรี หรือไม่ เพราะมีคนนำชื่อตนไปแอบอ้างว่า เป็นเจ้าของที่ดินทั่วประเทศ โดยเฉพาะแถบชลบุรี ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และนิคมอุตสาหกรรมซิตี้ จ.ระยอง จึงอยากแจ้งให้ทราบว่า ตนมีที่ดิน และบ้านอยู่เพียง 2-3 แห่งเท่านั้น ที่เขาใหญ่ และชลบุรี และไม่เคยรับบริจาคสิ่งของใด ๆ โดยตั้งศูนย์รับเรื่องราวเฉพาะกิจมูลนิธิอมตะขึ้น หรือสอบถามได้ที่ 081-1731007 ในเวลา 8.00-17.00 น. หรือที่อีเมล์ vikrom@vikrom.net
ด้าน พล.ต.อ.จงรัก เปิดเผยว่า ความผิดนี้เข้าข่ายข้อหาฉ้อโกง ซึ่งจะนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้กับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยคาดว่า คนร้ายทั้ง 2 กลุ่มนั้น น่าจะเป็นคนละกลุ่มกัน ซึ่ง นายวิกรม มาร้องเรียนเช่นนี้ คนร้ายเหล่านี้คงไม่กล้าที่จะก่อเหตุสักระยะหนึ่ง หรือหากบุคคลใดเคยถูกหลอกลักษณะเช่นนี้ สามารถมาแจ้งความได้ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจับกุมอย่างเด็ดขาดต่อไป.