ผลศึกษาพบโควิด-19 กลายพันธุ์ เตือนพันธุ์ G อาจระบาดระลอกสองในไทย เพราะแพร่ง่าย
อาจารย์หมอยง เผยผลศึกษาพบว่าไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ แต่ไม่ทำให้โรครุนแรงขึ้น เตือนหากมีระบาดระลอกสองในไทย จะเป็นสายพันธุ์ G ที่แพร่กระจายได้ง่ายมาก
ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หรือ หมอยง หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายผลศึกษาที่ระบุว่าไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ แต่ไม่ได้ทำให้โรครุนแรงขึ้น โดยมีเนื้อหาดังนี้
"โควิด-19 แพร่กระจายโรคได้ง่ายขึ้น
การศึกษาและเผยแพร่ในวารสาร cell มีข้อมูลที่น่าสนใจ แต่เดิมสายพันธุ์ของ โควิด-19 เริ่มต้นจากประเทศจีนเป็นสายพันธุ์ S และสายพันธุ์ L
สายพันธุ์ L แพร่กระจายได้ง่ายในนอกประเทศจีน แต่สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยใน wave แรก พบได้ทุกสายพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ S มีลักษณะจำเพาะ ในตำแหน่ง 829 บน spike โปรตีน หรือหนามแหลมที่ยื่นออกมา มีการเปลี่ยนแปลงเป็น Threonine (T829) เลยอยากเรียกว่าเป็นสายพันธุ์ T
สายพันธุ์ T เป็นลูกสายพันธุ์ S ตอนนี้น่าจะหมดไปแล้ว เพราะเกิดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
สายพันธุ์ L เมื่อไประบาดนอกประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป ได้ออกลูกหลาน เป็นสายพันธุ์ G และ V โดยสายพันธุ์ G มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่ง 614 บนหนามแหลมที่ยื่นออกมา (spike) โดยเปลี่ยนแปลงจาก Aspartate (D) ไปเป็น Glycine (G) หรือเรียกว่าสายพันธุ์ G614
สายพันธุ์ G นี้แพร่กระจายได้ง่ายมาก ออกลูกหลานมาเป็น สายพันธุ์ GH และ GR จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าสายพันธุ์ G นี้ แพร่ระบาดได้ง่าย (ในวารสาร cell) เพราะพบว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ G จะมีปริมาณเชื้อที่ลำคอค่อนข้างมาก จึงแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย ทำให้ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น แต่สายพันธุ์ G นี้ไม่ได้ทำให้โรครุนแรงขึ้น ยังคงเหมือนเดิม เพียงทำให้มีการแพร่กระจายไปทั่วโลกได้มากขึ้น
ดังนั้นขณะนี้สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก จึงเป็นสายพันธุ์ G มากที่สุด
สายพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและมาตรวจพบใน state quarantine ของประเทศไทย จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นสายพันธุ์ G แล้ว และเชื่อว่าถ้ามีการระบาดในระลอก 2 สายพันธุ์ที่จะระบาดจะต้องเป็นสายพันธุ์ G ที่ย้อนกลับมาจากประเทศทางตะวันตก และในเอเชียอยู่ขณะนี้ ไม่น่าจะเป็นสายพันธุ์ S ที่เคยระบาดอยู่ในประเทศไทย
ขณะนี้ทางศูนย์ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง สปคม. ในการศึกษาสายพันธุ์ที่พบอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะที่อยู่ใน state quarantine เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน และถ้ามีการระบาดเกิดขึ้นในประเทศไทย เราก็สามารถศึกษาย้อนกลับ ว่าสายพันธุ์ที่ระบาดน่าจะมาจากประเทศใด
ในการศึกษานี้เราจะดูตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงของไวรัสทั้งหมด 6 ตำแหน่ง ทำได้ไม่ยากและรวดเร็ว เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับประเทศไทยต่อไป
ถ้าสายพันธุ์ G แพร่ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ S ตามที่ได้มีการศึกษาไว้ การระบาดระลอก 2 ก็จะต้องป้องกันอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามสายพันธุ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค เป็นการติดตามการระบาดวิทยา และเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดโรคได้ง่ายหรือยาก เพราะสายพันธุ์ G เจริญเติบโตได้ดีในทางเดินหายใจจึงมีปริมาณไวรัสมากกว่า"