โคราชระทึก! ปชช.กลับจากระยอง 3 รายมีอาการเข้าข่ายโควิด-19 สั่งกักตัวดูอาการ 14 วัน

โคราชระทึก! ปชช.กลับจากระยอง 3 รายมีอาการเข้าข่ายโควิด-19 สั่งกักตัวดูอาการ 14 วัน

โคราชระทึก! ปชช.กลับจากระยอง 3 รายมีอาการเข้าข่ายโควิด-19 สั่งกักตัวดูอาการ 14 วัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โคราชพบประชาชนกลับจากระยอง 3 รายมีอาการเข้าข่ายโควิด-19 ผู้ว่าฯ ส่งทีมสอบสวนโรคติดตามอาการ สั่งกักตัว 14 วัน ย้ำหากพบผู้ป่วยรายใหม่ กิจกรรมทุกอย่างต้องกลับไปเริ่มใหม่

นครราชสีมา - วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายแพทย์วิญญู จันทร์เนตร ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังมีการประกาศให้พื้นที่จังหวัดระยองและกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เสี่ยง

ทั้งนี้ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดระยอง และกรุงเทพฯ ทางจังหวัดต้องมีมาตรการที่เข้มงวดอีกครั้งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้แจ้งไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อในพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัด ให้ทุกหมู่บ้านทุกชุมชนได้ตรวจสอบและขอให้ประชาชนที่เดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าวรายงานตัวกับ อสม. หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ภายใน 3 วัน

ซึ่งจากรายงานพบว่ามีประชาชน 3 รายมารายงานตัวว่าเดินทางกลับมาจากจังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็น แม่-ลูก อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอปากช่อง มีอาการเป็นไข้ และเป็นหญิง อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.หมื่นไหว อ.เมือง มีอาการเจ็บคอ จึงได้ส่งทีมสอบสวนโรคเข้าตรวจสอบติดตามอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมกับให้กักตัวเองภายในที่พักเป็นเวลา 14 วัน แต่เพื่อเป็นการป้องกันที่เข้มงวด เตรียมให้มากักตัวในสถานที่ที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อไม่ให้มีการสัมผัสโรคเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ โคราช ยังระบุเพิ่มเติมว่า ประชาชนทั้ง 3 รายยังไม่มีการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 เพียงแต่มีอาการเข้าข่ายเท่านั้น จึงต้องมีการกักตัวในสถานที่ของรัฐและตรวจโรคอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าหากพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมทุกอย่างจำเป็นต้องกลับไปนับ 1 ใหม่อีกครั้ง จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันในการป้องกันโรคตามแนวทางที่เคยปฏิบัติ นั่นคือ การสวมหน้ากาก ล้างมือ และไม่อยู่ในที่แออัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook