"มิว ศุภศิษฏ์" เปิดใจดราม่า! ทวิตเตอร์เดือด สาววายสวดยับ จิ้นเกินงามส่ออนาจาร
เจอกระแสดราม่าจากบรรดาชาวทวิตเตอร์เข้าไปเต็มๆ สำหรับวิดีโอพรีเซนต์สินค้าที่ถูกตัดออกมาแชร์เพียงบางส่วน ของคู่จิ้นแห่งยุค มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ และ กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ซึ่งมีเนื้อหาในเชิงสองแง่สองง่าม จนเป็นเหตุให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างด้านลบจากชาวเน็ตถึงการรับงานของนักแสดงทั้งสองคน
กระทั่งล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอกับ มิว ศุภศิษฏ์ ในงาน เปิดร้าน Skechers Superstore Shop จึงได้เข้าไปสอบถามถึงกระแสดราม่าดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าโดยส่วนตัวยังไม่ได้มีโอกาสชมคลิปที่ประเด็นดราม่า แต่ถึงอย่างนั้นแล้วในฐานะที่ตนเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงาน ก็คิดว่าหลังจากนี้คงจะต้องคุยรายละเอียดและความเหมาะสมให้มากกว่าเดิม
ล่าสุดก็มีเรื่องจากการรับงาน จากการโฆษณาด้วย ที่มันสื่อไปทางอนาจาร ?
“พอทราบกระแสครับ แต่ยังไม่ได้ไปดูคลิปเลย เลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง ตัวน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผมยังไม่ได้ดูคลิปเลยครับ แต่ว่าคอนเทนท์ที่เราถ่ายตอนนั้น ก็ไม่มีความล่อแหลมนะครับ ตอนที่เราถ่ายกัน ตอนที่เรารับงานมา เรามีการสกรีนตัวบรีฟก่อน ว่ามันเหมาะสมหรือเปล่า แล้วถ้าเกมไหนไม่เหมาะสมเราก็จะเปลี่ยนให้ดูซอฟขึ้น ให้ทุกคนสามารถดูได้”
ทางบริษัทเขามีการบอกเราไหม ว่าจะลบคลิปนี้ออก ?
“เรื่องนั้นผมไม่ได้อัปเดตเลยครับ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลาทำอะไร”
กับกระแสที่มันออกมา มันค่อนข้างที่จะเป็นลบ มันส่อไปเรื่องเพศมากเกินไป โดยเฉพาะตอนซักผ้า ?
“แต่ตอนที่เราถ่ายทำ ตอนนั้นคือมันก็เป็นแค่การซักผ้าเฉยๆ ตามบรีฟคือเหมือนประมาณว่า เขาให้เราซักผ้ากัน แล้วคือทางนั้นเขาก็ให้เราโอบข้างหลังครับ แล้วของผมเล่นเกมชนะ เขาก็เลยให้รางวัลคือการที่สามารถสั่งอีกคนหนึ่งได้ ว่าให้อีกคนหลับตาซักผ้า แล้วก็หยุดซักผ้า อะไรประมาณนี้ แล้วพอมาตากลัฟ ทางนั้นเขาก็เลยบอกว่า พี่มิวก็ยอมน้องบ้างแล้วกัน ให้พี่มิวหลับตา แล้วให้น้องซักผ้าไป คือมันเป็นโจทย์ที่เขาให้มาครับ”
เราไม่ได้เอะใจอะไรเลยใช่ไหมตอนนั้น ?
“ผมไม่รู้ ผมหลับตาอยู่ ตอนนั้นอะ (หัวเราะ)”
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องของคลิปเก่าตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นคลิปที่มีการกางม่าน ทำให้ภาพออกมาดูไม่เหมาะสม และส่อไปทางอนาจาร ?
“อันนี้มันนานมากแล้วใช่ไหมครับ ของปีที่แล้ว ตอนนั้นกลัฟผูกเชือกรองเท้า แต่ว่าภาพที่ออกไปอาจจะดูไม่เหมาะสม ผมว่าไอ้พวกนี้เนี่ย เราอาจจะต้องมาระวังเรื่องคอนเทนท์ให้มากขึ้น เพราะการเล่นสนุกของเราบางที มันทำให้สื่อไปในภาพที่ไม่ดี อันนี้อาจจะต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งทางฝั่งเราด้วย ทางฝั่งผู้จัดการของเรา ทางฝั่งลูกค้า แล้วก็งานต่างๆ ด้วย อาจจะต้องคุยกันมากขึ้น เรื่องงานบรีฟงาน หรือว่ากิจกรรมเกมต่างๆ แต่ตอนนั้นเราแค่ยืน แล้วน้องก็นั่งผูกเชือกรองเท้า เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย คือน้องผูกเชือกรองเท้าเฉยๆ อะ กลัฟนั่งผูกเชือกรองเท้าแค่นั้นเอง”
พอวันนี้ได้กลับมาดูคลิปนี้อีกครั้ง ตัวเราเองรู้สึกยังไง ?
“ถ้าผมเป็นคนดู เป็นคนทั่วไปเลยนะครับ อาจจะรู้สึกว่าแรงเหมือนกัน ก็อย่างที่บอกไป ในอนาคตก็จะต้องคุยกันมากขึ้น ระหว่างฝั่งคนทำงานด้วย ฝั่งคนที่บรีฟงาน ฝั่งคนวางแผนกิจกรรมต่างๆ ต้องมาคุยกันมากขึ้นครับ ว่าความเหมาะสมจริงๆ แล้ว สามารถได้ในระดับไหน แน่นอนว่ามันต้องมีการที่ตอบแทนแฟนๆ ด้วย แต่ว่าความพอเหมาะมันอยู่ระดับไหน อาจจะต้องคุยกันมากขึ้น”
คิดว่ามันเยอะไปหรือเปล่า ?
“เรื่องความมากน้อย ผมไม่ค่อยแน่ใจนะว่าอันไหนคือเรียกว่ามาก เรียกว่าน้อย เราแค่รู้สึกว่าเราทำไปตามธรรมชาติของเรา เพราะว่าผมกับกลัฟก็สนิทกันอยู่แล้ว มันก็เลยสามารถเล่นอะไรได้หลากหลาย แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนแฟนๆ เขาคอยมาให้กำลังใจเรา แล้วก็คอยสนับสนุนเรา เราก็เลยรู้สึกว่า แต่ละครั้งอยากให้เขามีความสุขในการที่ได้มาดูเรา”
“ก็สำหรับคนที่วิจารณ์ ผมรู้สึกว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการวิจารณ์ได้อยู่แล้วครับ แล้วก็เรื่องความพอเหมาะ หรือว่ากิจกรรมต่างๆ ที่อาจจะสื่อไปในทางไม่ดีพวกนี้ เรารู้สึกว่ามันไม่มีใครผิด มันอยู่ที่ความเหมาะสม มันเป็นเรื่องของรสนิยม เช่นการที่เราแต่งตัว เราว่าคนหนึ่งว่าคนนี้แต่งตัวแรง แต่คนนั้นก็อาจจะรู้สึกว่าธรรมดาของเขาก็ได้ ซึ่งอันนี้มันอยู่ที่ความเหมาะสมของแต่ละคน ก็ถ้ารู้สึกว่าไม่เหมาะสม ผมว่าอาจจะต้องทางเรา แล้วก็ทางลูกค้า แล้วก็ทางคนวางแผนกิจกรรม อาจจะต้องคุยกันมากขึ้น ว่าในอนาคตนี้ ความเหมาะสมที่ถูกเซ็ตไว้ ควรจะเป็นในระดับไหน ประมาณไหน”
คุยเรื่องนี้กับกลัฟบ้างไหม ?
“คุยกัน คุยกันอยู่แล้วครับ เขาก็ไม่นอยด์นะ แต่ก็น่าจะพอๆ กัน เพราะเราก็แบบ เราไม่ค่อยได้มีเวลามาเสพดรามา หรือว่ามาตามอะไรพวกนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบมีคนมาอัปเดตมากกว่า เราก็รู้สึกว่าแบบ ตอนนี้เราทำงาน เราอยากตั้งใจในการทำงานมากกว่า อย่างช่วงที่ผ่านมา ก็ค่อนข้างจะตั้งใจซ้อมสำหรับโชว์ในวันนี้ครับผม แล้วเดี๋ยวจะมีโชว์ช่วงเย็นด้วย ที่ผมตั้งใจมาก แล้วก็เป็นโชว์ใหม่ด้วย ก็ฝากทุกคนติดตามด้วยครับ”
นอยด์ไหมเวลาที่มีดราม่าเกิดขึ้นแบบนี้ ?
“ผมก็ค่อนข้างจะปล่อยผ่าน รู้สึกว่าเราเอาเวลาในการเสพดรามาเนี่ย คือจริงๆ ตอนนี้ผมเป็นคนชอบดูซีรีส์มากเลย แล้วเวลาดูซีรีส์ยังไม่มีเลยอะ ผมจะเอาเวลาไปเสพดรามาทำไม เวลาเลิกงานก็ต้องนอนแล้ว เวลาดูซีรีส์ อ่านหนังสือ ดูหนัง ยังไม่มีเลยครับ ก็เลยรู้สึกว่า เอาเวลาไปทำอะไรที่เรามีความสุขดีกว่า หรือว่าเอาเวลาไปตอบแทนคนที่รักเราดีกว่าครับ เช่นการไปพัฒนาตัวเอง ไปร้องเพลง ไปเรียนเต้น ซ้อมกิจกรรม ซ้อมโชว์ต่างๆ เพื่อมาตอบแทนแฟนคลับทุกคนดีกว่าครับ”
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ