ระบบผิดพลาด ทวงคืนเงินเยียวยา 5 พัน ทั้งที่ยังไม่ได้รับการโอน
คลังจังหวัดขอนแก่นตรวจสอบ กรณีชาวบ้านได้รับจดหมายทวงเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาท คืน ทั้งที่ไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว พบเป็นความผิดพลาดจากระบบ
นางสาวเพ็ญพร แซ่เต็ง นักวิชาการคลังชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคลังจังหวัดขอนแก่น เดินทางมาเข้าพบกับนายประวิทย์ แนนเกี้ยง อายุ 54 ปี และนางมะลิวรรณ โมลาเลิศ อายุ 51 ปี หลังจากที่นายประวิทย์ สามีได้รับจดหมายทวงเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาท จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยจดหมายขอคืนเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้มีมาตรการชดเชยรายได้ให้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่นๆของการแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 หรือมาตรการเยียวยา 5,000 บาท 3 เดือน และท่านได้แสดงความประสงค์สละสิทธิ์การได้รับเงินชดเชยตามมาตรการนั้น เพื่อให้การดำเนินการสละสิทธิ์เป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ให้นายประวิทย์ แนนเกี้ยง ดำเนินการคืนเงินชดเชยรายได้ทั้งหมดให้กระทรวงการคลังภายใน 7 วัน และลงท้ายว่า จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการคืนเงินชดเชยตามมาตรการด้วยจะขอบคุณยิ่ง
โดยนายประวิทย์ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า การลงทะเบียนของตนนั้น ได้นำบัตรประชาชนของตนเองและภรรยาไปให้ลูกหลานลงทะเบียนให้ เพราะตัวเองกับภรรยาทำไม่เป็น ซึ่งในการลงทะเบียนดังกล่าวลูกหลานได้ใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวทำ แต่ข้อมูลทุกอย่างเป็นของตัวเองกับภรรยา เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยก็กลับมาพักผ่อน ทำมาหากินรับจ้างตามปกติ โดยก่อนจะลงทะเบียนได้ไปเปิดบัญชีที่ ธ.ก.ส.เรียบร้อยจำนวน 300 บาท จนเวลาผ่านไปทั้งสองคนไม่มีใครได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว กระทั่งมีจดหมายมาทวงเงิน ก็ไม่มีจะคืนให้เพราะไม่ได้รับเงิน
ด้านน.ส.เพ็ญพร แซ่เต็ง นักวิชาการคลังชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า หลังสองสามีภรรยามีการร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมสำหรับการคลังจังหวัด ในฐานะตัวแทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้รับการมอบหมายให้ลงพื้นที่ในการชี้แจงกับทั้งสองคนว่า สำหรับนายประวิทย์ฯ ที่มีการแจ้งสละสิทธิ์การรับเงิน ทั้งที่ยังไม่ได้เงินรับเงินโอนเข้าบัญชี แต่ยังมีหนังสือทวงถามให้คืนเงินนั้นอาจจะเป็นการผิดพลาดในด้านข้อมูล จึงถือว่าหนังสือดังกล่าวเป็นการยุติไม่ต้องคืนเงินใดๆ
ส่วนกรณีนางมะลิวรรณ ภรรยา ตรวจสอบจากข้อมูลพบว่าไม่ผ่านเกณฑ์ในการรับเงินเยียวยา จึงถือว่าไม่ได้รับเงิน หากมีหนังสือมาทวงถามให้ถือว่าหนังสือดังกล่าวเป็นการยุติ อย่างไรก็ตาม ฝากถึงประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา หากยังไม่ได้รับเงินเข้าบัญชีและมีการทวงถามคืนเงินเข้าไป ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถชี้แจงและตรวจสอบข้อมูลได้
ขณะที่นางมะลิวรรณ กล่าวภายหลังจากได้รับการชี้แจงแล้วว่า ปัจจุบันชีวิตของตนและสามีมีความลำบากเพราะมีอาชีพรับจ้างทั่วไปหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่ามีงานน้อยลง บางวันแทบไม่มีเลย ปัจจุบันอาศัยเงินจากลูกซึ่งมีสองคนทำงานอยู่พัทยาและกรุงเทพฯ จะส่งเงินมาให้พ่อแม่ เดือนละ 1,000 บาท ที่นาก็ไม่มีทำเหมือนชาวบ้านบางวันต้องไปหาหน่อไม้ หาพืชผักขายตามหมู่บ้านชุมชน เพื่อช่วยเหลือตัวเอง สถานการณ์โควิด-19 ว่าตนได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใดใดเลยจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือในเรื่องงานและเรื่องเงินเยียวยาอื่นๆ หากเป็นไปได้
ทางด้าน นายเฉลย สถิตชน ผู้ใหญ่บ้าน บ้านเม็ง ม.2 กล่าวว่า สองสามีภรรยามีฐานะยากจนและขณะนี้ไม่ได้ทำอาชีพใดใด เนื่องจากไม่มีใครจ้างจึงเดือดร้อนหนักมากส่วนใหญ่การช่วยเหลือเยียวยาก็มาจากเพื่อนบ้านที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเท่าที่จะพอทำได้เท่านั้นจึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้ข้อมูลว่า การเรียกคืนเงินจากกลุ่มผู้สละสิทธิมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ณ วันที่ 14 มิ.ย. 2563 มีผู้สละสิทธิ 10,121 ราย มีผู้คืนเงินให้กระทรวงการคลังครบถ้วนแล้ว 2,455 ราย คงเหลือผู้ที่ยังไม่คืนเงิน 7,666 ราย กระทรวงการคลังจึงได้มีหนังสือแจ้งให้กลุ่มผู้สละสิทธิฯ ดังกล่าว คืนเงินเยียวยาที่ได้รับไปแล้วทั้งหมดต่อกระทรวงการคลัง ซึ่งหลังจากมีหนังสือออกไปแล้ว ณ วันที่ 7 ก.ค. 2563 มีผู้คืนเงินเพิ่มเติม 84 ราย