“ทรัมป์” ทวีตภาพสวมหน้ากาก ลั่น “ทำเพื่อชาติ”

“ทรัมป์” ทวีตภาพสวมหน้ากาก ลั่น “ทำเพื่อชาติ”

“ทรัมป์” ทวีตภาพสวมหน้ากาก ลั่น “ทำเพื่อชาติ”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ทวีตภาพของตัวเองขณะสวมหน้ากากผ้า พร้อมบรรยายว่า “เรารวมใจกันเป็นหนึ่ง เพื่อเอาชนะไวรัสจีนที่มองไม่เห็น หลายคนบอกว่า การสวมหน้ากากเมื่อไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ เป็นการทำเพื่อชาติ” ซึ่งการทวีตครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากาก เป็นเวลานานถึง 3 เดือนแล้ว

“ไม่มีใครรักชาติมากกว่าผม ประธานาธิบดีซึ่งเป็นที่รักของพวกคุณอีกแล้ว” ทรัมป์กล่าว

ภาพดังกล่าวเป็นภาพทรัมป์สวมหน้ากากผ้าที่มีตราประจำตัวประธานาธิบดี ขณะเยี่ยมชมศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวจนถึงขณะนี้ ที่เขาสวมหน้ากากในที่สาธารณะ หลังจากที่ปฏิเสธที่จะทำเช่นนี้ตลอดเวลาในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเชื่อกันว่า ประธานาธิบดีกำลังทำเพื่อเรียกคะแนนเสียง

ทรัมป์ตกลงใจที่จะสวมหน้ากากในการเยี่ยมชมศูนย์การแพทย์วอลเตอร์ รีด หลังจากที่ทีมผู้ช่วยของเขา “ขอร้อง” หลายครั้ง เพื่อให้ประธานาธิบดีเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชนที่สนับสนุนเขา ขณะที่ทรัมป์รู้สึกไม่เต็มใจนัก เนื่องจากไม่อยากตกอยู่ท่ามกลางแรงกดดันของสื่อ

ด้าน ดร.โจนาธาน เรนเนอร์ ศาสตราจารย์จากคณะแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน กล่าวว่า การที่ทรัมป์ไม่สามารถเข้าใจประโยชน์ที่แท้จริงของการสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นมาตรการด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐานง่ายๆ เท่ากับว่าเขาไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดใหญ่

“เขาเป็นพวกสอนไม่ได้และผมก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้ การที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจมาตรการด้านสาธารณสุขง่ายๆ ได้ การยอมทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขอย่างไม่เต็มใจ ทำให้ผมสงสัยว่าเขาจะมีคุณสมบัติในการบริหารจัดการสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่

แม้ก่อนหน้านี้ทรัมป์จะให้สัมภาษณ์ว่า หน้ากากอาจจะสร้างปัญหาได้ และประชาชนควรมีเสรีภาพในการไม่สวมหน้ากาก ทว่า ดร.เรนเนอร์ กล่าวว่า การสวมหน้ากากอาจจะช่วยให้คลื่นการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่หนักหนา และอาจจะทำให้สถานการณ์สิ้นสุดลงเร็วขึ้น นอกจากนี้ การสวมหน้ากากอาจจะช่วยให้โรงเรียนเปิดทำการสอนได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งทำให้นักกีฬาอาชีพกลับมาแข่งขันได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook