โต้ข่าวลือ แพทย์หญิงถูกต่อยไม่ได้ลาออก รพ.ให้หยุดจนร่างกาย-จิตใจดีขึ้น
ข่าวลือในโซเชียลว่าแพทย์หญิงลาออก หลังถูกแก๊งโจ๋บุก รพ.ทำร้าย ทางโรงพยาบาลออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (22 ก.ค.) กรณีที่โลกโซเชียลมีกระแสข่าวว่าแพทย์หญิงที่ถูกทำร้ายร่างกายภายในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ ยื่นหนังสือลาออกเร่งด่วนนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามที่โรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ นายพรประเสริฐ ยุติรรม หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลและธุรการ ของโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ ได้ออกมากล่าวปฏิเสธว่าในเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
แพทย์หญิงคนที่ถูกทำร้ายยังไม่ได้ลาออกแต่อย่างไร เพียงแต่ในช่วงนี้สภาพจิตใจของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ยังหวาดผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น ทางผู้บริหารจึงได้ให้ลาหยุดจนกว่าสภาพร่างกายและจิตใจจะมีความพร้อมที่จะกลับมาทำงาน
ซึ่งทางโรงพยาบาลวิภารามเองก็มีโรงพยาบาลอยู่ในเครือหลายแห่ง หากแพทย์หญิงคนดังกล่าวหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัย ทางผู้บริหารเองก็ให้ไปประจำการณ์ที่โรงพยาบาลสาขาอื่นซึ่งมีอยู่หลายที่ทั่วประเทศ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทรัพย์ของทางโรงพยาบาลก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายแต่อย่างใด
ด้าน โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า นายแพทย์รังษี ธีรศิลป์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า เปิดเผยว่า ในเรื่องความเสียหายที่ออกไปตามโลกโซเชียล เป็นความเสียหายที่เป็นตัวเลขค่อนข้างจะเยอะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตนเองก็ยังไม่ทราบในเรื่องรายละเอียดอะไร
เพราะทางโรงพยาบาลมีประกันภัยอยู่ และทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในส่วนกลางก็กำลังพูดคุยกันอยู่ แต่เท่าที่สำรวจเบื้องต้นโชคดีที่เครื่องมือราคาแพงที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน ผู้ก่อเหตุไม่ได้หยิบไปใช้เป็นอาวุธในการทำร้ายกัน ความเสียหายน้อยกว่าที่เป็นข่าวอยู่ในโซเชียลเยอะ
ตอนนี้ตนอยากให้สนใจในเรื่องความเสียหายทางด้านจิตใจของเจ้าหน้าทีบุคคลากรทางการแพทย์ผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วยที่อยู่ขณะเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ดึกมาก มีคนมาใช้บริการพอสมควร ประการแรกที่โรงพยาบาลเราทำก็คือ รีบเก็บกวาดทำความสะอาดซ่อมแซมในเบื้องต้น เพื่อให้กลับมาให้บริการได้ตามปกติได้เร็วที่สุด เราไม่ได้หยุดให้บริการ
ส่วนในเรื่องจิตใจหลังจากเหตุสงบแล้วก็ได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่และน้องพยาบาล ที่เห็นอยู่ในคลิป ที่ไปขวางไปช่วยผู้ป่วยโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ตนได้สอบถามแล้วว่าไหวหรือเปล่าอยากจะหยุดพักหรือไม่ แต่เขาตอบว่าไม่พักยืนดีทำงานต่อ ด้วยเป็นมืออาชีพ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและความปลอดภัยของตัวเองก็ช่วยแต่คนไข้ก่อน
นายแพทย์รังษี กล่าวต่อว่า ตนก็ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่และน้องพยาบาลในห้องฉุกเฉินวันนั้น ที่มีความเป็นมืออาชีพ ขวัญและกำลังใจดีเยี่ยม แต่เราก็ยังเป็นห่วงบางครั้งระหว่างทำงานก็ทำงานไปตามปกติ แต่ระหว่างกลับบ้านไปจะมีปัญหาความเครียดสะสมหรือไม่ ซึ่งเราก็เฝ้าดู แต่ก็ยังโชคดีทางกรมสุขภาพจิตกรมสวัสดิการทางการแพทย์โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งทีมนักจิตวิทยาเข้ามาช่วยดูแลตั้งแต่วันแรก ก็เป็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
ส่วนแนวทางการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ จริงๆ แล้วโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า ก็มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้วระดับหนึ่งและค่อนข้างดีอยู่แล้ว ทุกๆ โรงพยาบาลในเวลากลางคืนในห้องฉุกเฉินจะมีคนเมาบ้าง เสพยาบ้าง หรือวัยรุ่นป่วยมาเข้ารักษาเป็นระยะอยู่แล้ว
แต่ของเรามีมาตรการรักษาความปลอดภัยซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง คือนอกจากจะมี รปภ.อยู่ 2 คนแล้ว ก็ยังมีเวรเปล ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5-6 คนเป็นผู้ชายที่แข็งแรง มาช่วยรักษาความปลอดภัยที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา แต่ในวันที่เกิดเหตุถ้าผู้ก่อเหตุมาเป็นกลุ่มก้อน ทางโรงพยาบาลเองมีขีดความสามารถไม่ถึง
ก็ต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว และได้มีการพูดคุยกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ว่าเราอาจจะต้องมีการซ้อมแผนการเข้าระงับเหตุความวุ่นวายในโรงพยาบาล แล้วจะต้องทำอย่างไร ต้องมีสายด่วนระหว่างโรงพยาบาลกับตำรวจ หรือทางโรงพยาบาลจะป้องกันอย่างไรก็เป็นความร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งคิดว่าในอาทิตย์หน้าก็คงจะได้ดำเนินการ