ทนายพาน้องหม่องฟ้องศาลปกครองขอไปญี่ปุ่น
น้องหม่อง ควงทนายร้องศาลปกครอง สั่ง รมว.ไทย ให้อนุญาตไปญี่ปุ่น ร่วมแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษ 18-20 ก.ย.นี้ พร้อมขอไต่สวนฉุกเฉินกำหนดมาตรคุ้มครองชั่วคราว หลัง รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า ขณะที่ นิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ระบุ การละเลยไม่สั่งอนุญาตกระทบความน่าเชื่อประเทศในความเสมอภาค - ละเมิดสิทธิเด็กที่ไทยร่วมเป็นรัฐภาคี ชี้ มท. ใช้อำนาจอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 17 เพราะไม่ใช่เรื่องความมั่นคง ด้าน น้องหม่อง เผย หากได้ไปจะแข่งเต็มที่เพื่อประเทศ
ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 3 ก.ย.52 เวลา 13.00 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านผู้ไร้สัญชาติ ชนชาติ ผู้พลัดถิ่น และแรงงานข้ามชาติ สภาทนายความ และ ด.ช.หม่อง ทอง ดี ชาวไทยใหญ่ เดินทางมายื่นฟ้อง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้อง เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร และไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 รวมทั้งขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
ตามฟ้องระบุว่า ด.ช.หม่อง บุตร ของนายยุ้น และนางมอย ทองดี ชาวไทยใหญ่ บ้านน้ำจ่าง รัฐฉาน ประเทศพม่า ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จากการที่ รมว.มหาดไทย ผู้ถูกฟ้อง ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการทำความเห็นชอบเพื่ออนุญาตให้ ด.ช.หม่อง ผู้ ฟ้อง ได้เดินทางออกนอกประเทศ ไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษ วันที่ 18 -20 ก.ย. โดยผู้ฟ้องจะต้องเดินทางในวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยทราย โรงเรียนของผู้ฟ้อง ได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ต่อผู้ถูกฟ้องเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา และผู้ถูกฟ้องได้รับหนังสือไว้ในวันที่ 27 พ.ค. ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ยื่นหนังสือ จนถึงวันที่ฟ้องคดีนี้ รวมเวลา 99 วันแล้ว แต่การพิจารณาของผู้ถูกฟ้องยังไม่แล้วเสร็จ
โดยหนังสือที่ผู้ฟ้องยื่นให้พิจารณานั้นได้แนบกำหนดการแข่งขัน ผู้ถูกฟ้องจึงนย่อมทราบถึงระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นการกระทำของผู้ถูกฟ้องดังกล่าวเป็นเป็นการละเลยปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งล่าช้าเกินสมควร ที่ส่งผลกระทบเป็นการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ หลักความเสมอภาค และหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ฟ้อง โดยเป็นการเลือกปฏิบัติต่อเด็กด้วยเหตุสัญชาติและสถานะบุคคล ที่ขัดต่อ รธน. มาตรา 30 ทำให้ผู้ฟ้องเสียโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ คุณภาพชีวิตในการที่ผู้ฟ้องไม่สามารถเดินทางไปร่วมแข่งขันได้ นอกจากนี้การกระทำของผู้ถูกฟ้อง ยังก่อให้เกิดควมเสียหายต่อความน่าเชื่อถือประเทศไทยในสายตาประชาคมระหว่าง ประเทศ และขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางแพ่งและการเมือง ค.ศ.1966 รวมทั้งอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ค.ศ.1989 ที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี
ผู้ฟ้องจึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ รมว.มหาดไทย ผู้ถูกฟ้อง อนุญาตให้ฟ้อง เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อร่วมการแข่งขันพับเครื่องกระดาษ และได้เดินทางกลับเข้าในประเทศ พร้อมทั้งขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว โดยสั่งให้ รมว.มหาดไทย อนุญาตผู้ฟ้องได้เดินทางออกนอกประเทศร่วมการแข่งขันด้วย เนื่องจากในการเดินทางนั้นผู้ฟ้องจะต้องดำเนินการขอหนังสือเดินทางของคน ต่างด้าว และนำหนังสือเดินทางไปขอวีซ่าต่อสถานทูตญี่ปุ่นภายในวันที่ 4 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ศาลปกครองรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข 1372/2552 เพื่อพิจารณาว่าจะรับฟ้องและไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่ต่อไป
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า ขณะนี้ตน และ ด.ช.หม่อง ยัง คงรอฟังคำสั่งว่าจะไต่สวนฉุกเฉินหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นตนได้เตรียมพยานบุคคลที่จะให้ศาลไต่สวน ประกอบด้วย รศ.ดร.พันธ์ทิพย์ กาญจนจิตรา สายสุนทร อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
นายนิติธร กล่าวว่า แม้ ด.ช.หม่องไม่ได้เป็นคนไทย แต่ก็สามารถที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ เพราะด.ช.หม่องอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายไทย ซึ่ง รธน.ให้การคุ้มครองอยู่ อีกทั้งเหตุก็เกิดในประเทศไทย จึงถือเป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องคดี ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ที่ล่าช้าของ รมว.มหาดไทยที่ไม่อนุญาตให้ ด.ช.หม่อง เดินทางออกนอกประเทศไปแข่งขัน มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ต่อ ด.ช.หม่อง
"กรณีขอเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อแข่งขันไม่ได้มีปัญหาในเชิงของข้อกฎหมาย แต่เป็นการตีความกฎหมายคาดเคลื่อน โดยที่ไม่ได้คำนึงว่า ประเทศไทยเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งตามข้อเท็จจริง รมว.หมาดไทย มีอำนาจที่จะอนุญาตให้ ด.ช.หม่อง เดินทางออก และกลับเข้าประเทศได้ " นายนิติธร กล่าวและว่า เมื่อตั้งต้นว่า ด.ช.หม่อง เป็น บุคคลที่ไม่มีสัญชาติ การเดินทางเข้าออกประเทศ จึงจะเป็นไปตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 17 ที่กำหนดให้ รมว.หมาดไทย มีอำนาจอนุญาต แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า บุคคลที่ขออนุญาตต้องไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือต้องประกอบคุณงามความดี
ด้าน ด.ช.หม่อง กล่าว ว่า ในวันนี้เวลา 16.00 น. จะเดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยตนจะขอบคุณนายกฯ ที่ได้เปิดโอกาสให้เดินทางไปแข่งขัน ซึ่งจะรู้สึกดีใจมากหากได้เดินทางไปแข่งขันครั้งนี้
" ผมจะพยายามสู้เพื่อประเทศไทย เพราะผมถือเป็นคนไทยคนหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้ไปก็จะรู้สึกเสียใจ และจะพยายามฝึกฝนพับเครื่องบินกระดาษต่อไป ซึ่งตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องเดินทางมาติดต่อ เพื่อให้ได้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น " ด.ช.หม่องกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความสามารถของด.ช.หม่องยังคงเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ศาล ปกครอง โดยระหว่างที่ยื่นฟ้อง ด.ช.หม่องได้สาธิต และสอนเทคนิคการพับเครื่องบินกระดาษ ที่ทำให้สามารถบินได้ไกลกว่าปกติ ซึ่ง ด.ช.หม่อง ยัง โชว์การขว้างเครื่องบินกระดาษให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพด้วย โดยทั้ง เจ้าหน้าที่และประชาชนที่มาติดต่อราชการให้ความสนใจอย่างมาก และให้ด.ช.หม่อง พับเครื่องบินกระดาษและเขียนชื่อเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย