เกาหลีเหนือประกาศภาวะฉุกเฉิน หวั่นผู้แปรพักตร์ที่กลับจากเกาหลีใต้ติดโควิด-19
เกาหลีเหนือประกาศภาวะฉุกเฉิน อ้างผู้แปรพักตร์ที่เคยหนีไปยังเกาหลีใต้ ลอบข้ามฝั่งกลับเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่น่าสงสัยว่าจะติดเชื้อโควิด-19 จึงต้องกักตัว-ตรวจสอบอย่างละเอียด ขณะที่เกาหลีใต้ยังไม่ยืนยันข้อมูลดังกล่าว
สื่อเกาหลีใต้รายงานอ้างอิงสื่อทางการของเกาหลีเหนือว่า ทางการเกาหลีเหนือประกาศล็อกดาวน์ "เมืองเเกซอง" ซึ่งเป็นเมืองชายแดนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ หลังจากพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ข้ามพรมแดนไปจากเมืองแกซองในฝั่งเกาหลีใต้
KCNA รายงานเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2563 ระบุว่า "คิมจองอึน" ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือเรียกประชุมฉุกเฉินร่วมกับฝ่ายการเมืองและกิจการภายในประเทศประชุมฉุกเฉิน เพื่อดำเนินการประกาศมาตรการฉุกเฉินระดับสูงสุด และประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
การประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองแกซองนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือที่เคยหลบหนีไปยังเกาหลีใต้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตัดสินใจข้ามพรมแดนในเมืองแกซองกลับมายังเกาหลีเหนือเมื่อ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
สื่อเกาหลีเหนือกล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อนั้นได้ถูกกักตัว และเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส ซึ่งผลตรวจออกมาระบุว่า ยังไม่ชัดเจนว่าติดเชื้อหรือไม่ จึงจำเป็นต้องกักตัวเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือติดต่อกับผู้แปรพักตร์รายดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ต้องถูกกักตัวและเข้ารับการตรวจเพื่อหาเชื้อด้วยเช่นกัน
ถ้าผลตรวจสอบยืนยันว่าผู้แปรพักตร์รายดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 จริง เขาจะเป็นผู้ป่วยรายแรกของเกาหลีเหนือ
ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประกาศตนว่าเป็นประเทศที่ไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 เลยแม้แต่รายเดียว ท่ามกลางความกังขาของนานาชาติ เพราะเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ปิดกั้นและควบคุมการสื่อสารหรือการเผยแพร่ข้อมูลในประเทศอย่างเข้มงวด แม้เกาหลีเหนือจะเป็นประเทศแรกที่ประกาศปิดพรมแดนเชื่อมต่อกับจีน ทั้งยังประกาศมาตรการล็อกดาวน์ประเทศเป็นประเทศแรกของโลกหลังพบว่ามีการระบาดของโควิด-19 ในจีน แต่หลายประเทศก็ยังคงสงสัยว่าคำประกาศของเกาหลีเหนือเป็นข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือก็ประกาศว่ากำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นทดลองทางคลินิก
ส่วนรัฐบาลเกาหลีใต้ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ข้ามฝั่งกลับไปยังเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบผู้แปรพักตร์คนใดหายไป และย้ำว่า พรมแดนระหว่างประเทศบริเวณเมืองแกซอง มีมาตรการควบคุมและรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด จึงเป็นไปได้ยากที่จะมีผู้ลักลอบข้ามแดนโดยไม่มีใครรู้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2563 ทางการเกาหลีเหนือได้สั่งระเบิดสำนักงานประสานงานระหว่างประเทศในเมืองแกซอง โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้กรณีที่นักเคลื่อนไหวผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือที่พำนักในเกาหลีใต้ ปล่อยบอลลูนข้ามพรมแดนและข้อความเพื่อโจมตีรัฐบาลเกาหลีเหนือ
ครั้งนั้นเกาหลีเหนือระบุด้วยว่า กองทัพประชาชนประชาธิปไตยเกาหลีเหนือ (DPRK) และพร้อมส่งทหารเข้าไปยังเขตปลอดทหารชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ (DMZ)