มือฆ่า อสม.สาวมอบตัวแล้ว พร้อมสารภาพปมแค้น สามีอึ้งที่แท้คนคุ้นเคย
คนร้ายใช้มีดอีโต้ฟัน อสม.ตาย เข้ามอบตัวแล้ว เผยปมแค้นผู้ตายเอาที่ดิน 11 ไร่ไปขายฝากกับนายทุนราคาต่ำเกินจริง พอจะไถ่ถอนคืนก็ทำไม่ได้
ความคืบหน้าคดีคนร้ายใช้อาวุธมีดฟัน นางธิราณี อายุ 33 ปี อสม.และเป็นนายหน้าขายที่ดิน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนคนร้ายจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป และนางธิราณีทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันนี้ (26 ก.ค.) พ.ต.อ.สุรจิตร์ วิวรรธน์สมบัติ ผกก.สภ.โชคชัย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) เวลา 18.30 น. นายเชาว์ อายุ 58 ปี ผู้ต้องหา เดินทางมาเข้ามามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.โชคชัย พร้อมสารภาพว่ามูลเหตุเกิดจากความขัดแย้งกับผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายซึ่งเป็นนายหน้าขายที่ดิน ได้นำที่ดินของตนเองประมาณ 11 ไร่ ไปขายฝากกับนายทุนรายหนึ่ง ในราคา 2,000,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ดินจริงๆ หลายเท่า
ต่อมาเมื่อนายเชาว์จะไปไถ่ถอนคืน กลับไถ่ถอนไม่ได้ เพราะได้ขาดสัญญาไปนานแล้ว จึงสร้างความไม่พอใจให้กับนายเชาว์เป็นอย่างมาก เมื่อมาทวงถามกับนางธิราณีผู้ตายก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จึงเกิดบันดาลโทสะใช้มีดอีโต้ฟันนางธิราณีจนเสียชีวิต และยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีชู้สาวแน่นอน
โดยภายหลังจากผู้ต้องหามามอบตัว ก็ได้นำหลักทรัพย์มูลค่ากว่า 400,000 บาท พร้อมกับมีญาติที่เป็นข้าราชการครู มาเซ็นรับรองค้ำประกันให้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่าไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จึงได้อนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งผู้ต้องหาก็รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และผู้ต้องหาไม่ประสงค์จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาและไม่มีผลกับรูปคดีแต่อย่างใด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนางธิราณี ผู้ตาย ที่บ้านดอนใหญ่ หมู่ที่ 3 ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โดยมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลตามประเพณี มีชาวบ้านมาช่วยงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
จากการสอบถาม นายชลิต สามีผู้ตาย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ทราบข่าวว่าภรรยาถูกคนร้ายใช้มีดอีโต้ฟันเสียชีวิต ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร ภรรยาไม่เคยเล่าเรื่องความขัดแย้งอะไรกับใครให้ฟังมาก่อน ส่วนตนเองนั้นไปทำงานอยู่ที่ จ.สระบุรี นานๆ ครั้งจะมาเยี่ยมบ้าน รู้แต่เพียงว่าภรรยาประกอบอาชีพเป็นนายหน้าค้าที่ดิน
ส่วนนายเชาว์ผู้ก่อเหตุนั้น ก็เป็นคนคุ้นเคยกัน อยู่หมู่บ้านใกล้กัน ไม่คิดว่าจะฆ่าภรรยาตนเองได้ลงคอ เรื่องความขัดแย้งขายที่ดินนั้น ตนรู้แต่ว่าเคลียร์กันแล้วตั้งแต่ต้นปี แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไร
ดังนั้นเมื่อผู้ก่อเหตุยอมมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และพร้อมที่จะให้อโหสิกรรมกับผู้ก่อเหตุ หากจะมากราบขอขมาศพก็ได้ เพราะถูกจับดำเนินคดีแล้วตนไม่ติดใจเคียดแค้นอะไรอีก
ส่วนหลังจากนี้ก็จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ส่งเงินมาให้ลูกสาว 2 คน วัย 14 ปี กับ 8 ปี ซึ่งอยู่กับตายายและกำลังเรียนหนังสืออยู่ เพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีต่อไป