"ชาย ชาตโยดม" เผยโมเมนต์ชีวิตคู่ เคยช็อกล้มทั้งยืน "วิกกี้" บอกไม่อยากมีลูก

"ชาย ชาตโยดม" เผยโมเมนต์ชีวิตคู่ เคยช็อกล้มทั้งยืน "วิกกี้" บอกไม่อยากมีลูก

"ชาย ชาตโยดม" เผยโมเมนต์ชีวิตคู่ เคยช็อกล้มทั้งยืน "วิกกี้" บอกไม่อยากมีลูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่หลายคนจะต้องอิจฉาในความหวานอย่าง ชาย ชาตโยดม และ วิกกี้ สุนิสา พร้อมด้วยลูกชายสุดน่ารัก น้องตฤณ โดยทั้งคู่ได้ย้อนเล่าเรื่องราวสุดช็อกหลัง วิกกี้ ลั่นชีวิตนี้ไม่อยากมีลูกผ่านในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร พร้อมเล่าโมเม้นท์หวานๆ ของสามีดีเด่นที่ดูแลคุณภรรยาแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เรียกได้ว่าหวานตั้งแต่วันแรกไม่เคยเปลี่ยนแปลง เผยเร่งปั๊มทายาทคนที่สองแล้ว ขอแค่ภรรยาอย่ากดดัน

อย่างพี่ชายที่บ้านมีลูกเล็กเหมือนกันช่วงโควิดเขาจะกลัวมาก สองคนนี้กลัวมั้ย ?

วิกกี้ : "กลัวค่ะ"

ชาย : "กลัวคนละแบบ ชายจะกังวลเพราะช่วงแรกๆ ชายจะยังออกไปทำงานข้างนอกอยู่ กองถ่ายเขาก็ยังรอมาตรการที่ชัดเจนจะหยุดหรือไม่หยุด บางกองก็ใกล้เสร็จแล้วขออีกนิดเดียว" 

พอถ่ายละครเสร็จไม่เข้าบ้านแต่เดินอ้อมแล้วเดินแก้ผ้าไปอาบน้ำ

ชาย : "ไม่ขนาดนั้น ป่านนี้โดนไล่ออกจากหมู่บ้านไปแล้ ว(หัวเราะ)"

วิกกี้ :  "เกือบจะแก้ผ้า"

ชาย :  "คือกี้เขาก็อยากจะให้เป็นอย่างนั้น เขาบอกชายว่าเดี๋ยวเขาเอาตะกร้ามาวางไว้หน้าบ้านแล้วก็ถอดเอาชุดใส่ไว้ตรงนั้น"

วิกกี้ : "อย่าลืมแมสก์ อย่าลืมแอลกอฮอล์ อย่างที่บอกเขาแทบจะแก้ผ้าอยู่หน้าบ้านแล้ว เขาก็จะถอดรองเท้าแล้วก็ฉีดใต้รองเท้าก่อนขึ้นรถ กลับมาเขาก็จะฉีดอีกรอบแล้วจอดรองเท้าไว้ด้านนอก ก็เหลือแค่บ็อกเซอร์แล้วนะ ถุงเท้าก็ถอดแล้ว ก็คือเกือบจะแก้ผ้าแล้วไง" 

เหมือนเป็นคู่รักที่ค่อนข้างจะมีความต่างกัน ถ้าทะเลาะกันที่บอกว่าหนักส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่องลูก ?

ชาย : "เอาแค่เรื่องไปโรงเรียนก็ไม่จบ 3 ปีแล้ว"

ทำไมชายถึงไม่อยากให้ลูกเรียนตอนนี้ ?

ชาย : "ช่วงชีวิตของลูกจริงๆ ที่จะอยู่กับพ่อกับแม่แบบตัวติดกันก็มีช่วงนี้แหละ ตั้งแต่เขาเกิดจนก่อนที่เขาจะไปโรงเรียน เขาไปโรงเรียนเมื่อไหร่เขาก็จะมีสังคมของเขาแล้ว มันก็จะเริ่มห่างจะต้องมีระยะเวลาที่พ่อจะต้องทำใจ"

วิกกี้ : "พี่ชายเขาจะเป็นคนเซนซิทีฟติดครอบครัว พอมีลูกก็ติดลูก"

อยากให้ลูกเข้าโรงเรียนเมื่อไหร่ ?

ชาย : "ตามเกณฑ์กระทรวงศึกษาเขาเมื่อไหร่ล่ะ 7 ขวบอะไรยังงี้ป่ะ"

วิกกี้ : "กี้ว่าเต็มที่ 4 ค่ะ แต่จริงๆ ถ้าไมมีโควิดก็ 3 ขวบครึ่งจะให้เขาไปเริ่มเล่นแล้ว เพราะว่าเขาเป็นลูกคนแรกแล้วเรายังไม่มีลูกคนที่สอง กี้อยากให้เขาได้เล่นสนุก เวลาเขาอยู่กับพี่ปริม อยู่กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เขาจะมีความสุขในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เวลาเขาอยู่กับเพื่อนวัยเดียวกันเด็กเขามีจินตนาการ เขาได้มีพัฒนาการที่ส่งเสริม" 

ผู้ชายคนนี้ดูแลภรรยาดีมากตั้งแต่วันแรกที่เจอจนถึงวันนี้คุณชายเสมอต้นเสมอปลายตลอด ?

วิกกี้ : "ที่สุด อันนี้พูดจริงๆ" 

วันแรกที่เจอกันกับวันนี้เหมือนกันยังไง ?

วิกกี้ : "เป็นสุภาพบุรุษเหมือนเดิม เปิดประตูรถให้ยังเหมือนเดิม เป็นสุภาพบุรุษและเป็นคนเซนซิทีฟมากที่สุดเท่าที่เคยเจอและเป็นคนที่ละเอียดอ่อน จริงๆ แล้วนิสัยละเอียดอ่อนมันน่าจะเป็นผู้หญิง แต่พี่ชายเขาเป็นคนใส่ใจึในทุกๆ เรื่องในชีวิตตั้งแต่กี้ตื่นมาเลย เพราะกี้เป็นคนตื่นสาย ถ้ากี้บอกอยากกินเสต็กเขาก็จะตื่นไปซื้อแต่เช้า เพราะเขารู้ว่าเมียตื่นสาย ถ้าตื่นมาเมื่อไหร่เขาจะหิวทันที เขาก็จะตื่นมาทำเพื่อที่จะให้พร้อมทาน" 

เคยคิดมั้ยว่าเรามีสามีที่ดีและน่ารักตลอด ?

วิกกี้ : "คิด คิดตลอด(ยิ้ม)" 

เคยบอกพี่ชายมั้ย่วาดีใจนะที่ได้สามีแบบพี่ชาย ?

วิกกี้ : "บอก แต่อาจจะไม่บ่อย" 

นอกจากอาหารแล้วยังสระผมให้เมีย ?

ชาย : "เพราะว่าเมียจะสระผมทีต้องรอ 10 วัน"

วิกกี้ :  "เป็นคนที่ขี้เกียจสระผมที่สุดเพราะผมเยอะและหนามาก ก่อนที่จะทำบ้านจะออกไปสระไดร์ เพราะขี้เกียจสระเองมากๆ บางทีสระเองก็ขี้เกียจไดร์ก็ให้พี่ชายเขาเป่าแห้งให้ แต่ตอนนี้ที่บ้านทำโฮม ซาลอนแล้ว มีเตียงสระที่บ้านก็เลยรู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายขึ้นก็เลยนอนให้เขาสระให้หน่อย" 

เขาก็ได้ภรรยาที่ดี งานวันเกิดครั้งที่แล้วจัดเซอร์ไพร์สให้เกือบพังเพราะอะไร ?

วิกกี้ : "คือไม่ได้ทำเซอร์ไพร์สให้เขามานานแล้ว ช่วงนั้นเขาซ้อมละครเวทีแล้วเราก็รู้สึกได้ว่าไม่ได้เจอครอบครัวเลยก็เลยคุยกับน้องสาวพี่ชายว่าทำเซอร์ไพร์สวันเกิดที่บ้านดีกว่า ปกติกี้จะชอบพาเขาไปโรแมนติกดินเนอร์ ครั้งนี้ไม่เอาแล้ว ขอเอาทั้งบ้านเขามาเลย ยกครอบครัวมาแอบที่บ้านนี้ ความที่มีกล้องอยู่เต็มบ้าน บ้านพี่ชายเป็นครอบครัวที่ใหญ่ประมาณ 30 คนกี้ต้องดึงปลั๊กออกหมดเลย กี้ต้องบอกทุกคนว่าถ้าพี่ชายโทรมาขอเงียบนิดนึงนะคะ เพราะเขาต้องถามว่ากล้องเป็นอะไรเพราะเขาจะชอบส่องตลอด พอเขาโทรมาก็ต้องรีบวิ่งขึ้นไปคุยในห้องน้ำ แล้วเหมือนน้องปรางจู่ๆ ก็ร้องเสียงดังเพราะเหมือนเขาจะทะเลาะกับน้องปริมกี้ก็ต้องรีบกดวางเป็นอย่างนี้อยู่หลายรอบ เราพยายามจะเซอร์ไพร์สขนาดนี้มันจะรู้นิดนึงไม่ได้ สุดท้ายก็ให้ทุกคนมารวมในนี้เอารถไปแอบอีกซอยนึง พอเขามาก็ให้พ่อแม่ พี่น้องไปยืนอยู่หน้าประตู"

ชายรู้สึกยังไงตอนนั้น ?

ชาย : "ตกใจแล้วก็ดีใจที่สุด ในชีวิตนี้ชายไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ ไม่ต้องการสิ่งของอะไร ต้องการแค่นี้แหละให้เราได้มีความสุขกับการได้อยู่กับครอบครัว เขาก็จะถามทุกปีว่าอยากได้อะไร ชายก็นึกไม่ออกแต่อย่างที่ได้ ปีที่แล้วคือที่สุดแล้ว" 

เรื่องลูกแพลนมั้ยว่าจะมีอีกคนนึง ?

ชาย : "แพลนมาปีนึงแล้ว เพราะว่าอยากมีน้องให้เขา ถ้ามีพี่น้องโตขึ้นไปอย่างน้อยจะได้มีเพื่อน พ่อแม่แก่ตัวไปภาระจะได้ไม่ตกอยู่ที่เขาคนเดียว มันคือที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุดแล้ว" 

มีแพลนไว้มั้ยว่าจะเป็นผู้หญิง เขาจะได้เป็นพี่ชาย หรือว่าได้หมด ?

ชาย : "ได้หมด ถ้ามีผู้ชายก็จะดีมาก เป็นผู้ชายสองคนเหมือนชายกับมิคเวลาเล่นกันมันมันมากเลย คืออาจจะทะเลาะกันบ้างแต่พอโตขึ้นมาเป็นเพศเดียวกันเขาจะเข้าใจอะไรกันมากกว่า ถ้าเป็นน้องสาวพ่อแม่แฮปปี้เลยมีครบทั้งลูกชาย ลูกสาว มันได้หมด" 

คิดว่าจะมีลูกกันซักกี่คนดี ?

ชาย : "ชายมีพี่น้อง 4 คน คุณพ่อคุณแม่ก็มีพี่น้องสี่คน ในใจคือน่าจะต้องมีซัก 4 เพราะว่ามันแฮปปี้กันมาก แต่พอมีคนแรกขึ้นมาปั๊ปรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มันเหนื่อยแต่มันเหนื่อยแบบมีความสุขที่สุดแล้ว เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม" 

ถ้างั้นอยากได้กี่คน ?

ชาย : "ตอนนี้สองกำลังพอดี"

วิกกี้ : "สองตั้งแต่แรกค่ะ พอ ชัดเจน"

ชาย :  "อย่าบอกว่าแต่แรกเลย แต่แรกไม่อยากมี" 

มีช่วงนึงที่พี่วิกกี้ยังไม่ยอมจะมีลูก ?

วิกกี้ : "ใช่ แต่งงานกัน 5 ปีกว่าจะยอมมีลูก"

ชาย : "แต่งกันช่วง 2-3 ปีแรกก็คิดว่าใช้ชีวิตไปเที่ยวแบบสามีภรรยากันก่อน ก็ยังนึกว่าเดี๋ยวเขาพร้อมเมื่อไหร่ก็จะบอกว่าพร้อมมีลูกกันแล้ว แต่สองสามปีผ่านไปอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่า พี่ชายกี้รู้สึกว่าชีวิตนี้กี้ไม่อยากมีลูกเลย" 

พี่ชายทำยังไงทั้งๆ ที่เราอยากมี 4 คน

ชาย : "ความรู้สึกเราหนักอึ้งไปเลย เพราะความรู้สึกของชายตั้งแต่เด็กๆ เลยคืออยากจะมีครอบครัว อยากจะแต่งงาน มีลูก นั่นคือภาพในฝัน 20 กว่าก็แต่งงานได้แล้ว ไม่เกิน 25 ต้องมีลูกแล้ว มันเลยทะลุมา 30 กว่า กว่าจะได้แต่งงาน เราก็โอเคแต่งงานกัน สร้างครอบครัวกัน จนวันที่เขามาบอกว่า ชีวิตนี้คงไม่อยากมีลูก มันก็เหมือนจะล้มเลย หนักจริงๆ แต่คืออยู่กับเขามันก็มีความสุขที่สุด เราก็คุยกันว่าถ้างั้นเราอยู่กันสองคนก็ได้แก่กันไปสองคน" 

อะไรที่ทำให้ตัดสินใจกลับมามี น้องตฤณ ?

วิกกี้ : "วันนึงเหมือนรู้สึกได้เองว่าเราก็อายุเยอะแล้ว ไม่มีตอนนี้ ไข่ก็ยังไม่ได้เก็บ จะมียากมั้ย วันนั้นอยู่บ้านคนเดียวพี่ชายไปทำงานหรือว่ามันจะเหงามั้ย" 

ไม่มีอะไรเลยอยู่ดีๆ นึกขึ้นมาเอง ?

วิกกี้ : "ไม่มีอะไรเลย เรื่องแบบนี้คนโน้มน้าวเราไม่ได้ ต้องตัดสินใจร่วมกัน เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ว่าเราไปฟังคนอื่นกดดันแล้วก็มีก็ได้ มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นมาเองว่าหรือวันนึงเราจะเหงามั้ยหรือว่ามีกันและกันมันพอ ความอบอุ่นจะพอมั้ย มันฟุ้งซ่านเอง แล้วก็ยังไม่บอกเขานะ กี้ก็โทรไปคุยกับเพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเรื่อง มันคงไม่มีวันที่มีความรู้สึกที่เรารู้สึกว่าฉันพร้อมจะเป็นแม่ กี้กลัวว่าวันนั้นมันจะมาไม่ถึงก็เลยกลัวว่าวันนึงจะเหงาและรู้สึกเสียใจที่ไม่มีมั้ย แต่นั้นเลย ก็เลยปรึกษาเพื่อนแต่เพื่อนกี้เขามีลูกมาแล้วคนนึง เขาก็กรี๊ดเลยเพราะเขาอยากให้มีลูกมาเล่นกัน เราก็บอกว่าอย่าเพิ่งบอกพี่ชายนะเดี๋ยวเราบอกเอง แต่เพื่อนเป็นคนเก็บอะไรไม่ค่อยอยู่ มีวันไปดินเนอร์กันวันนึงอยู่ดีๆ เขาก็หลุดมาว่าพี่ชายยินดีด้วยนะมันบอกว่ามันพร้อมแล้ว พี่ชายหันมามองกี้แบบน้ำตาหยดเลย หน้าแดงแบบสั่นๆ แล้วก็น้ำตาไหลเหมือนในละครเลย เขาเหมือนพูดไม่ออก" 

คนนี้ก็ธรรมชาติ แล้วคนต่อไปจะธรรมชาติมั้ย ?

ชาย : "พยายามธรรมชาติอยู่ พยายามมาปีนึงแล้ว" 

แล้วถ้าเกิดไม่เวิร์คไปเหมือนน้องคุณเลยมั้ยสายวิทยาศาสตร์ ?

ชาย : "ไม่ได้เก็บไข่ไว้"

วิกกี้ : "คือตอนนี้ถ้าถามกี้กับพี่ชายก็ยังมั่นใจว่ายังได้อยู่"

ชาย : "ปัญหาคือไปหาคุณหมอมาแล้ว ตอนแรกก็พยายามธรรมาชาติ เพราะคนแรกธรรมชาติ เขาก็บอกงั้นคนที่สองก็ง่ายแล้วไม่มีปัญหาหรอก พยายามอยู่ 2 เดือน 3 เดือน 4 เดือนก็แล้ว ทำไมไม่ติด ก็เลยไปหาคุณหมอเขาก็ขอตรวจ กี้โอเคเรียบร้อยทุกอย่างพร้อมมาก พอตรวจของชาย อ้าว! เจอแล้ว คือน้ำเชื้อปริมาณดี ความเข้มข้นดี แต่ขี้เกียจกันเหลือเกิน นั่งนิ่งๆ ไม่แหวกว่าย เขาก็บอกว่าให้วิตามินบำรุงได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่" 

ต้องลงคิวงานมั้ย ?

วิกกี้ : "ลงคิวค่ะ ต้องวันที่ไข่ตก คือเชื้อเขาสำคัญมากอย่าเอาออกพร่ำเพรื่อคือมันมีค่ามาก วันไหนที่ตกไข่กี้จะมีเครื่องวัด" 

อย่างเบนซ์ก็มีช่วงที่เลือดไหลเรียกได้ว่าเกือบแท้ง เรากลัวมั้ย ?

วิกกี้ : "กลัว เพราะกี้กับเบนซ์ห่างกันปีเดียวเอง อย่างที่บอกว่ากี้อายุเยอะกลัวว่าเขาจะสมบูรณ์มั้ย มีโอกาสที่จะแท้งกว่าคนอายุน้อยมั้ยซึ่งมันเป็นตามอายุอยู่แล้ว ถ้าทางวิทยาศาสตร์มันเป็นอยู่แล้ว ก็กลัวกังวล" 

เรามีเสริมสร้างให้สุขภาพแข็งแรงให้พร้อมที่จะมีเขามั้ย อายุเราอาจจะมีความเสี่ยง แต่สุขภาพเราไม่เสี่ยง ?

วิกกี้ : "ก็พยายามแต่ไม่ได้พยายามมากขนาดนั้นในเรื่องการทานเพราะค่อนข้างเป็นคนทานตามใจปาก ทุกอย่างที่เราทำพยายามจะไม่เครียด เขาก็พยายามที่จะไม่เครียด แล้วเขาก็เคยบอกกี้ด้วยว่าไม่อยากให้กี้กดดันเขา กลายเป็นว่าพอเราอายุเยอะขึ้นเรากดดันเขา รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง"

ชาย : "คือทุกเดือนที่ไปตรวจดูว่าติดหรือไม่ติดมันจะเป็นช่วงเวลาของความผิดหวัง คือเราเห็นหน้าเขาเราก็รู้สึกแล้ว เขาพร้อมแต่มันผิดที่ตัวเรา ของเรายังไม่พร้อม แต่พยายามแล้ว พอครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สามแล้วมันย้ำซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ เราเห็นหน้าเขาผิดหวังอยู่เรื่อยๆ มันก็กดดันก็รู้สึกผิด รู้สึกแย่" 

วันนี้อยากจะบอกอะไรเมีย ?

ชาย : "ชีวิตนี้ชายไม่ได้อยากได้อะไรแล้ว ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันครบหมดทุกอย่างแล้ว คือชายวาดฝันว่าจะมีครอบครัวมาตั้งแต่เด็กๆ สุดท้ายวันนี้มีอย่างที่ฝันแล้วจริงๆ" 

วิกกี้อยากจะบอกอะไรสามี ?

วิกกี้ : "คือเขารู้ว่ากี้เป็นผู้หญิงชอบอิสระ เป็นผู้หญิงเก่ง แล้วเขาจะชอบคิดว่าวันนึงถ้ากี้ไม่มีเขากี้ก็คงไม่เป็นไร กี้รู้ว่ากี้อาจจะเป็นคนทำงานเก่ง ทำอะไรเป็น แต่ว่ากี้ขาดเขาไม่ได้ เขาเป็นเหมือนกำลังใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต" 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.45-14.45 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ "ชาย ชาตโยดม" เผยโมเมนต์ชีวิตคู่ เคยช็อกล้มทั้งยืน "วิกกี้" บอกไม่อยากมีลูก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook