"นุ๊ก สุทธิดา"ควงลูกชายเปิดใจ หลังป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ เผยวินาทีคิดเลิกรักษา

"นุ๊ก สุทธิดา"ควงลูกชายเปิดใจ หลังป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ เผยวินาทีคิดเลิกรักษา

"นุ๊ก สุทธิดา"ควงลูกชายเปิดใจ หลังป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ เผยวินาทีคิดเลิกรักษา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
  • นุ๊ก สุทธิดา อดีตนักร้องสาวยุค 90's ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกหลังป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ ที่เธอเกือบจะถอดใจเลิกล้มการรักษา แถมเตรียมทำพินัยกรรมสั่งเสียไว้แล้วด้วย ซึ่งงานนี้เจ้าคัวมาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องone31 ที่มี ชมพู่ ก่อนบ่าย, ตั๊กแตน ชลดา และ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร



เป็นไงบ้างสภาพจิตใจช่วงนี้?

นุ๊ก : "เข้มแข็ง และแข็งแรงแล้ว"

จุดเริ่มต้นที่ไปตรวจเจอมะเร็งไทรอยด์มันเกิดจากอะไร?

นุ๊ก : "จริงๆ มะเร็งไทรอยด์เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เป็นภัยเงียบ มันน่ากลัว เพราะโรคนี้ตรวจทางเลือดก็เจอ เรียกว่าตรวจอาการข้างเคียงดีกว่า เราเป็นก็ไม่มีอาการใดๆ มันเป็นภัยเงียบ แต่ทีนี้เราจะตรวจเจอยังไงก็คล้ายๆ กับมะเร็งเต้านม ก็คือการคลำ อย่างคอเราก็สามารถคลำได้ว่าเรามีก้อนตรงไหนหรือเปล่า ของนีกพอตรวจเจอปุ๊บตอนแรกเป็นคุณหมอประจำปีตรวจ คุณหมอบอกว่าอาจจะเป็นถุงน้ำ แต่ว่างๆ ไปตรวจ ตอนนั้นเราก็ยังไม่ว่าง จนมาติดโควิดเราก็เลยมาตรวจ"

ตอนไปตรวจก็ยังไม่ได้ทราบผล แต่ตัวพี่คิดว่าตัวเองเป็นมะเร็งแน่?

นุ๊ก : "คือด้วยความที่เพื่อนเป็นคุณหมอ แล้วก็แนะนำคุณหมอที่ตรวจให้ ทีนี้เราก็ไปนอนตรวจ อุ้ย...หมอหล่อ แต่หมอจากที่เห็นเราเขาร่าเริง สักพักหมอเริ่มซีเรียส เริ่มนิ่ง เราก็แบบในฐานะของครูสอนการแสดงนั้น เราก็ยิงคำถามไปคำนึง เพื่อจะเช็กว่าใช่แน่ๆ ใช่ไหม คุณหมอคะ ถ้ามันใช่ เราต้องทำยังไงต่อไปคะ ตอนนี้หมอยังไม่สามารถตอบได้หรอกครับ เดี๋ยวเราต้องทำการเจาะชิ้นเนื้อเพื่อไปตรวจ แต่ถ้าไม่ใช่หมอก็จะบอกเลย"

มันคิดไปไกลแค่ไหน?

นุ๊ก : "มันนิ่งไปสักพัก แล้วก็บอกว่าใช่ ใช่ไหม เราจะตายแล้วเหรอ คือคำว่ามะเร็งในจังหวะแรกของชีวิตทุกคนคิดว่าตายก่อน ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะรักษายังไง แล้วสักพักมันก็จะมีอดัมขึ้นมาก่อน เพราะว่าอดัมคือลูกเล็ก เขาจะโตมายังไงในเมื่อไม่มีแม่ตั้งแต่ 3 ขวบ แล้วหลังจากคำว่าอดัมแล้วคำถามก็จะตามมาอีกร้อยแปด อดัมเป็นเด็กลูกครึ่ง แล้วเขาจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่หรือเปล่า จะต้องกลับมาเลเซียหรือเปล่า คำว่าลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน สำหรับนุ๊กคือเรื่องใหญ่มาก แล้วอีก 2 หนุ่มละจะเรียนจบยังไง"

ความรู้สึกหรืออาการของการเป็นมะเร็งไทรอยด์มันเป็นยังไงบ้าง?

นุ๊ก : "ตอนที่เป็นไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เป็นภัยเงียบ ต้องอัลตร้าซาวด์อย่างเดียวเลย"

เห็นว่าเวลานั้นไม่ต้องรอผลหรอก เตรียมการสำหรับตัวเองเลย?

นุ๊ก : "ก่อนผลจะออก คือคุณหมอที่ตรวจ คุณหมอที่ผ่าคนละท่าน เราก็ลือกแล้วเราจะเอาแพทย์ท่านนี้ คือแพลนของการรักษาเสร็จไปแล้วก่อนผลตรวจจะออก"

แล้วที่บ้านกับครอบครัว ลูกวางแผนยังไงบ้าง?

นุ๊ก : "ตั้งแต่อัลตร้าซาวด์เลย ผลมะเร็งใดๆ ยังไม่ออกเลย นี่ก็กลับบ้านไป แล้วก็บอกสามีเป็นคนแรกเลยว่าไอเป็นมะเร็ง เขาก็อึ้งไปสักพัก ตั้งหลักก่อน เดินผ่านเขาไปแบบนิ่งๆ แล้วไปเล่นกับลูก พอเห็นลูกก็นั่งร้องไห้ ตัดภาพมาที่สามี เขาโกรธ เริ่มหงุดหงิด แต่เราไม่ได้สนใจเขา แต่ถ้านึกย้อนไปในพาร์ทของเขาตลอด 2 ปีที่เปิดยิมส์มา เขาอยากกลับบ้าน นี่ก็ไม่เคยให้เขากลับ เพราะยิมมีการขาดทุนทุกวัน แล้วเขาเป็นคนเดียวที่ประคองให้เกิดการขาดทุนน้อยที่สุด หรือบางวันไม่ขาดทุน แล้วเราจะปล่อยเขากลับบ้านไปได้ยังไง กลับไปเราก็แย่ คือ 2 ปีมันคงเป็นดราม่าในชีวิตเขา วึ่งเราอยู่ในพาร์ทของธุรกิจ เราก็บริหารการเงินไง นางก็คงเก็บทุกอย่างไว้ในใจ แล้วก่อนหน้าที่เราจะเดินไปบอกเขาว่าเราเป็นมะเร็ง 2 วันเขา เขามาบอกเราว่าเขาจะกลับมาเลเซีย เพราะน้องสาวเขาจะแต่งงาน แล้วอยู่ๆ เราก็เล่นใหญ่ว่าเราเป็นมะเร็ง เขาคงคิดว่าละครบทไหนของแก นุ๊กคิดว่าเขาคิดอย่างนั้นแต่เขาไม่พูด"

เขาคิดว่าเราแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อไม่ให้เรากลับบ้าน?

นุ๊ก : "แล้วคนเรากว่าจะตรวจได้ว่าเป็นมะเร็ง ยูต้องตรวจกี่ครั้ง นี่ยูไปโรงพยาบาลแล้วกลับมาบอกว่ายูเป็นมะเร็ง แล้วเราหน้านิ่งมาก คือตอนหมออัลตร้าซาวด์มันมีตั้งแต่ทำใจไม่ได้จนทำใจเสร็จแล้ว หน้าเราก็เลยนิ่งไป" 

หลังจากเหตุการณ์ถึงขั้นทะเลาะกันเลยไหม?

นุ๊ก : "มันเป็นการงอนกันมากกว่า ไม่ได้ทะเลาะ เขาก็บอกยูจะร้องไห้ทำไม ยูยังไม่ตาย เราก็แบบเอ๊ะ...ทำไมนางพูดอย่างนี้ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร มีแต่อดัมน้อยของแม่ ฉันจะทำพินัยกรรม ฉันจะเรียงลำดับยังไงให้ลูกฉันเรียนจบ สมบัติที่มีเราจะแบ่งกันยังไง ตอนนั้นคิดแต่ว่าลูกจะยังไง ทีนี้พอเขาเริ่มงอนมากๆ ยังไงเขาก็จะต้องกลับให้ได้ เราก็แบบ จะกลับยังไง ช่วงฉายแสง ช่วงนู่น ช่วงนี้ เขาก็จะขอตามไปดูตอนที่เราเจาะอะไรอย่างนี้ แต่เหมือนเขาไม่เชื่อว่าเราเป็น คือด้วยความที่เขาเห็นว่าเราแข็งแรง"

มันก็เลยมีดราม่าว่าทำไมพูดถึงสามีในมุมนี้ อยากแก้ตัวยังไงบ้าง?

นุ๊ก : "จริงๆ มันเป็นการเล่าที่ตอนนั้นที่เราเล่ากับพี่โก้คือเรากำลังโฟกัสในเรื่องของโรค เรากำลังโฟกัสในเรื่องของการอธิบายว่าเราเป็นอะไร แล้ววิธีการรักษาเป็นยังไง เพื่อจะเป็นวิทยาทานต่อคนอื่น ไอเรื่องสามีเราแค่เล่าแตะๆ ไว้ เรายังไม่ได้อธิบายว่าตัวเขาเอง เขาได้รับความรู้สึกอะไร ยังไง แต่สุดท้ายต่างฝ่าย ต่างก็ต้องยอมรับในความเป็นกันและกัน มันเหมือนเราไปแตะเขาเฉยๆ แต่ยังไม่ได้ลงดีเทลให้เขา แต่จริงๆ แล้วเรายังรักกันดีอยู่นะคะ"

แล้ววันที่สามีทราบว่าเราเป็นจริงๆ อันนี้ยังไงบ้าง?

นุ๊ก :  "เขาต้องเห็นคาตาว่ามันมีก้อนเนื้อหลุดออกมาจากร่างภรรยาของเขา วันผ่าเขาก็ไม่เชื่อ แต่เขาเริ่มทำหน้าที่ดูแลลูกแล้ว คือสามีดีมากๆ ไม่งั้นเขาจะมานั่งดูแลปิ๊ปโป้ ปาแปง ทำไม คือดูแลลูกทุกคนเลย แต่ลึกๆ นุ๊กว่าเขาไม่เชื่อ จนเขาเห็นชิ้นเนื้อหลุดออกมาจริงๆ แล้วก็มีต่อมน้ำเหลืออีก 17 จุดที่เกาะอยู่ต่อมไทรอยด์ หลังจากนั้นสามีรักมาก"

เล่าถึงนาทีที่ทราบว่าแม่เป็นมะเร็ง?

ปิ๊ปโป้ : "ผมรู้สึกเสียใจแล้วรักแม่มากครับ"

ตอนนั้นมองหน้าลูกแล้วบอกกับลูกว่ายังไง?

นุ๊ก : "ตอนนั้นบอกว่าแม่ไม่สบาย แม่บอกว่าแม่อาจจะเป็นมะเร็ง"

ปาแปงเข้าใจไหมว่าคำว่ามะเร็งคืออะไร?

ปาแปง : "เข้าใจครับ ในใจผมคิดว่าไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ หม่าม้าไม่ได้เป็นหนัก ผมก็เลยไม่ได้กังวล"

แล้วหลังจากวันนั้นมีอาการอะไรเกิดขึ้นอีกกับลูก?

นุ๊ก : "สามีว่าเซอร์ไพรส์แล้ว สามีคิดว่าเราโกหกแล้ว เด็กติสท์ของเราคนนี้หลังจากที่ดิฉันบอกว่าเป็นมะเร็ง พวกเขาก็ไปทำงานแบบจ่อยๆ พอเขาทำงานเสร็จเขาโทร.หาคุณยายให้มารับเขาไปแล้วเขาไม่ได้บอกอะไรดิฉันเลย"

แม่เราเป็นมะเร็ง แล้วถ้าแม่ไม่อยู่กับเราจะเป็นยังไง คิดไกลขนาดนั้นไหม?

ปาแปง : "แค่สงสารอดัม ผมกังวลว่าถ้าแม่ตายไปใครจะดูอดัม"

นุ๊ก : "เขาเคยพูดว่าแม่ตายผมอยู่ได้ไม่เป็นไรหรอก ผมโอเค ดูแลตัวเองได้ แต่ก็หายไปอยู่บ้านคุณยายแล้วไม่ลาด้วย"

ผู้หญิงคนนี้เตรียมใจไว้แล้วว่าตัวเองเป็นมะเร็งแน่ๆ แต่พอไปเจอขั้นตอนการรักษาเห็นบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่อยากอยู่เลย?

นุ๊ก : "ขั้นแรกคือการผ่า ผ่าปุ๊บคุณหมอปลุกเราขึ้นมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งต้องบอกว่าคุณหมอเก่งมาก นุ๊กเป็นก้อนใหญ่ เวลาตัดในไทรอยด์มันจะมีเส้นเลือดที่เอาไปเลี้ยงกล่องเสียงอยู่ 4 เส้น ข้างละ 2 โดยปกติอะไรไปกวนเส้นเลือด บางทีเส้นเลือดไม่ไปเลี้ยงกล่องเสียงก็จะเกิดอาการพูดไม่ได้ หรือพูดแล้วไม่มีเสียง บางคน 3 ปีพูดไม่ได้เลย เราก็ลุ้น แต่คุณหมอที่เราเลือกท่านนี้ เพราะว่าเก่งที่สุด ปลุกขึ้นมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บค่ะ แต่ก็เจ็บแค่ครั้งแรกที่ออกมาจากห้องผ่า แต่พอพักก็หายเจ็บ แต่ที่หนักก็คือการกลืนแร่"

กลืนแร่คืออะไร?

นุ๊ก : "เป็นไอโอดีนผสมกับกัมมันตภาพรังสีเหมือนกับระเบิดที่ญี่ปุ่น คือกลืนเพื่อให้ไปฆ่าเซลมะเร็ง คล้ายๆ คีโม เราจะรู้สึกวี้ด ทุกอย่างอักเสบ ระหว่างนั้นไทรอยด์เราก็โดนตัดไปแล้ว ไทรอยด์ก็เป็นตัวช่วยของความกระตือรือร้น ความสวยงาม มันหายไปหมด มันก็จะเพิ่มความพารานอยด์ให้เรา พวกซึมเศร้าต่างๆ มันอาจจะย้อนกลับมา มันตีกันไปหมด ร่างกายก็วี้ด ฮอร์โมนก็ขาด"

มันทรมานยังไงถึงไม่อยากจะรักษาแล้ว?

นุ๊ก : "กลืนไปตอนแรก 5 ชม.แรก ยังแค่กระอักกระอ่วน มึนๆ งงๆ ปากแห้งๆ พอชม.ที่ 6 เท่านั้นแหละ จากที่เคยร่าเริง เรารู้สึกทำไมมันเวียนหัว ต้องบอกก่อนว่าตอนที่กลืนแร่ไม่สามารถให้ใครเข้าพบได้ เราอยู่คนเดียว เพราะว่าเรามีกัมมันตภาพรังสี เพราะฉะนั้นคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง อยู่ในห้องคนเดียว แค่เราป่วยเราก็รู้สึกแย่แล้ว แล้วเรายังเป็นอย่างนี้อีก แล้วอีก 6 เดือนก็ต้องไปตรวจอีก"

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.45-14.45 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บ Show รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ ของ "นุ๊ก สุทธิดา"ควงลูกชายเปิดใจ หลังป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ เผยวินาทีคิดเลิกรักษา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook