หม่อง เฮ-มท.ไม่ขัดไปแข่งร่อนที่ญี่ปุ่น

หม่อง เฮ-มท.ไม่ขัดไปแข่งร่อนที่ญี่ปุ่น

หม่อง เฮ-มท.ไม่ขัดไปแข่งร่อนที่ญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น้องหม่อง เฮ ได้ไปแข่งร่อนเครื่องบินกระดาษพับที่ญี่ปุ่นแล้ว หลังมหาดไทยกลับลำ ไม่ขัดข้องให้เดินทางออกนอกประเทศ ชี้ไม่มีอำนาจอนุญาต แต่เป็นหน้าที่ของตม.และกระทรวงต่างประเทศ ทั้งเรื่องหนังสือ เดินทาง และการเข้า-ออกประเทศ โบ้ยผอ.โรง เรียน ทำวุ่นเอง ที่ไม่ทำตามขั้นตอนราชการ ขณะที่หนูน้อยไทยใหญ่ยื่นฟ้องศาลปกครอง ให้ไต่สวนฉุกเฉินสั่งให้มท.อนุญาตอีกทาง พลันที่ทราบข่าวดีถึงกับดีใจ ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ก่อนเข้าพบนายกฯ ที่สภาฯ โชว์พับเครื่องบิน มาร์ค สั่ง กษิต จัดแจงเอกสารเดินทางทันที

จากกรณี ด.ช.หม่อง ทองดี อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านห้วยทราย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นลูกของชาวพม่า เชื้อสายไทยใหญ่ แต่เกิดในประเทศไทย ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับ ที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น แต่ปรากฏว่าทางกระทรวงมหาดไทยไม่อนุญาตให้ด.ช.หม่องเดินทางออกนอกประเทศได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ด.ช.หม่องพร้อมด้วย ผอ.โรงเรียน จึงเดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่กระทรวงมหาด ไทย และหารือกับนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตอีก สร้างความเศร้าใจให้แก่ด.ช.หม่องเป็นอย่างมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ก.ย. นายนิติธร ล้ำเหลือ ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ พาด.ช. หม่อง ทองดี เดินทางมายังศาลปกครอง เพื่อยื่นฟ้องนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย โดยระบุว่า ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ได้รับผลกระทบอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร มีผลเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ฟ้องคดี ทั้งยังกระทำขัดต่อรัฐธรรม นูญ หลักสิทธิมนุษยชน ส่งผลกระทบต่อหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม ทั้งการปกครองระบอบประชาธิปไตย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ฟ้องคดีอย่างร้ายแรง

คำฟ้องระบุด้วยว่า จากกรณีดังกล่าวสำคัญเร่งด่วน จึงยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวแก่ ด.ช.หม่อง ซึ่งการอนุญาตก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือก่อให้เกิดปัญหาต่อความมั่นคงแต่อย่างใด โดยขอศาลโปรดมีคำสั่งให้ รมว.มหาดไทยอนุญาตให้ด.ช.หม่องเดินทางออกนอกประเทศ และเดินทางกลับเข้าประเทศได้ เพื่อดำเนินการแข่งขันไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น

คำฟ้องคดีระบุอีกว่า ด.ช.หม่องได้รับการบันทึกในทะเบียนราษฎรของประเทศไทย ในฐานะผู้ติดตามแรงงาน และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ แต่ในปีพ.ศ.2548 ครม.มีมติให้มียุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคล ซึ่งได้แยกประเภทเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติในสถาบันการศึกษาออกมา ได้รับการจัดทำบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน และได้รับการกำหนดเลขประจำตัว 13 หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข 0 คือ 0-5001-89000-94-1 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2548 โดย อ.เมือง จ.เชียง ใหม่ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2550 และบัตรจะหมดอายุวันที่ 14 ม.ค.2560

นอกจาก นี้ สิทธิในเสรีภาพที่จะเดินทางเป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ ธรรมนูญ อันจะถูกจำกัดมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีกฎหมายใดห้ามมิให้ผู้ฟ้องคดีเดินทางออกนอกประเทศ และกลับเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อสร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทย มิได้ส่งผล กระทบใดๆ ต่อความมั่นคงของประเทศแม้แต่น้อย และสิทธิในเสรีภาพที่จะเดินทางไปยังต่างประ เทศนี้ได้มีแนวทางปฏิบัติอันเป็นปกติประเพณีของประเทศไทย

ในท้ายคำ ฟ้องระบุว่า ที่ผ่านมา รมว.มหาด ไทยเคยอนุญาตบุคคลที่มีลักษณะเดียวกันกับผู้ฟ้องคดีเดินทางออกไปนอกประเทศ และกลับเข้ามาในประเทศไทยมาก่อนแล้ว ได้แก่ อาจารย์อายุ นามเทพ อาจารย์สอนดนตรีคลาสสิคที่มหาวิทยาลัยพายัพ ซึ่งถือบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ขึ้นต้นด้วยเลข 0 ได้เดินทางออกไปทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติหลายครั้ง เพื่อไปแสดงดนตรีรวมถึงแข่งขัน ซึ่งสิทธิในเสรีภาพดังกล่าวนี้ รมว.มหาดไทยจะต้องรับรอง และให้ความคุ้มครองแก่บุคคลทุกคนโดยเสมอภาค และเลือกปฏิบัติมิได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังยื่นฟ้องแล้ว ทางศาลปกครองพิจารณารับฟ้องหมายเลขคดีดำ เลขที่ 1372/2552 และอยู่ระหว่างรอให้ศาลเรียกไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่งในระหว่างที่ด.ช.หม่องอยู่ที่ศาลปกครองนั้นเป็นที่สนใจแก่เจ้าหน้าที่ ภายในศาล ขณะที่ด.ช.หม่องก็สาธิตและสอนเทคนิคการพับเครื่องบินกระดาษให้บินได้ไกลกว่า ปกติ อีกทั้งโชว์ร่อนเครื่องบินกระดาษ นอกจากนี้ ยังตั้งกล่องขอรับบริจาคเงินให้ด.ช.หม่องใช้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศ ญี่ปุ่นด้วย

ด.ช.หม่องกล่าวว่า ในช่วงเย็นจะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะขอบคุณนายกฯ ที่เปิดโอกาสให้เดินทางไปแข่งขัน จะดีใจมากหากได้ไปแข่งขันครั้งนี้ จะพยายามสู้เพื่อประเทศไทย เพราะเป็นคนไทยคนหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีโอกาสไปก็เสียใจ และจะพยายามฝึกฝนพับเครื่องบินกระดาษต่อไป ตอนนี้เหนื่อยมากที่ต้องเดินทางมาติดต่อ เพื่อให้ได้ไปญี่ปุ่น

ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์กล่าวว่า ลำบาก ถ้าส่งด.ช.หม่องไปไม่รู้จะพูดกับชาวโลกว่าอย่างไร ในเมื่อเป็นเพียงชาวพม่าที่พำนักอยู่ในประเทศไทย สัญชาติพม่า เชื้อชาติพม่า ฉะนั้นจะไปอุปโลกน์ว่าเป็นคนไทยได้อย่างไร เมื่อถามถึงกรณีชาวต่างชาติหลายคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากทางการไทยให้ไป ต่างประเทศเป็นกรณีพิเศษก่อนหน้านี้ รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้เป็นคนตรวจสอบ แต่ถ้าเกิดว่าส่งไปแล้วกลายเป็นเรื่องไม่เหมาะสมก็ไม่ควร ใช่หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะ ด.ช.หม่องเป็นผู้ลี้ภัย แล้วส่งไปแข่งขันได้หรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ต้องศึกษาดูก่อน อยากสนับ สนุนเด็ก แต่พูดออกไปได้ไม่เต็มปาก เมื่อถามว่าเด็กเรียนในโรงเรียนไทย อยู่ประเทศไทยได้ แต่ทำไมถึงไปต่างประเทศไม่ได้ รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ต้องศึกษาดู เพราะติดระเบียบของกรม การปกครอง ส่วนตัวอยากช่วยเต็มที่ เพราะเด็กจะได้มีอนาคต ไม่อยากปิดกั้น

ขณะที่นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรม การสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวแถลงการณ์ว่า คณะกรรมการสิทธิฯ ขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยคำนึงถึงบทบัญ ญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 4 ระบุว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง และมาตรา 52 ที่บัญญัติว่า เด็กและเยาวชนมีสิทธิในการอยู่รอด และได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ ประกอบกับมาตรา 80 ที่กำหนดให้รัฐต้องมีแนวนโยบายที่คุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน ตลอดจนนโยบายที่จะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็น ภาคีตามมาตรา 82

ประธานกรรมการสิทธิฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของเด็กทุกคนที่อยู่ในความดูแลของประเทศไทย โดยมีพันธกรณีจะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญา สาระสำคัญได้แก่ การห้ามเลือกปฏิบัติต่อเด็ก และการให้ความสำคัญแก่เด็กทุกคนเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของเด็ก ในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิด หรือสถานะอื่นๆ ของเด็ก หรือบิดามารดา หรือผู้ปกครองทางกฎหมาย โดยขอให้รัฐบาลพิจารณาปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเกี่ยวกับกรณีของ ด.ช. หม่อง และยุติการมองว่ากรณีนี้เป็นประเด็นความมั่นคงของประเทศ

ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง แถลงว่า จากการที่นายดวงฤทธิ์ เภติมา ผอ.โรงเรียนบ้านห้วยทราย จ.เชียงใหม่ ทำหนังสือตรงมายังกระทรวงมหาด ไทย โดยไม่ผ่านกระทรวงศึกษาธิการตามขั้นตอนของทางราชการ เพื่อขอให้ รมว.มหาดไทยใช้อำนาจอนุญาตให้ด.ช.หม่องเดินทางไปแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษ ที่ญี่ปุ่น จากนั้นกระทรวงมหาดไทยพิจารณา และมีความเห็นว่า รมว. มหาดไทย ไม่มีอำนาจในการอนุญาต ตามพ.ร.บ. คนเข้าเมือง เพราะการจะเดินทางเข้า หรือออกจากราชอาณาจักรไทย เป็นอำนาจของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และกระทรวงต่างประเทศ

นายวงศ์ศักดิ์กล่าวว่า รมว.มหาดไทยมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ว่ามีช่องทางใดบ้างที่จะช่วยเหลือด.ช.หม่องให้เดินทางไปญี่ปุ่นได้ ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจะทำหนังสือลงนาม โดยนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงต่างประเทศ ว่ากระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้องที่จะให้ด.ช.หม่องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทย ตามที่ได้ร้องขอ และที่เหลือเป็นเรื่องของการดำเนินการในระดับเจ้าหน้าที่ ที่มีอำนาจออกหนังสือเดินทาง และผู้มีอำนาจตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนี้ ในหนังสือได้ระบุว่า ด.ช.หม่องมีสัญชาติพม่า มีสถานะเป็นแรงงานต่างด้าว

ต่อข้อถามว่า หากด.ช.หม่องเดินทางออกนอกประเทศจะถือว่าสิ้นสุดการมีสถานะแรงงานต่างด้าว หรือไม่ นายวงศ์ศักดิ์กล่าวว่า ถือว่าสิ้นสุดทันที แต่จะกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และมีสถานะเดิมได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตม. ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย กรณีด.ช.หม่องเป็นลูกแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเพิ่งขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวเมื่อปีพ.ศ. 2547 สิ้นสุดในวันที่ 28 ก.พ.2553 และจะต้องส่งตัวกลับประเทศ โดยก่อนหน้านี้พ่อแม่ของ ด.ช.หม่องได้เป็นผู้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่พนักงานทะเบียนแจ้งเกิดว่าด.ช.หม่อง มีสัญชาติพม่า ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทะเบียนเป็นผู้ให้สัญชาติเอง และตามมาตรา 4 แห่งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย ให้สิทธิเสรีภาพแก่ทุกคน แต่ไม่ได้หมายความว่าแรงงานต่างด้าวจะมีสิทธิทุกอย่างเท่ากับคนไทยทุกประการ แต่เพื่อไม่เป็นการจำกัดสิทธิเด็ก หากด.ช.หม่องต้องการที่จะเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยจึงไม่ขัดข้อง

อธิบดีกรมการปกครองกล่าวต่อว่า เหตุที่ต้องพิจารณาเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องคนต่างด้าว แต่เป็นเรื่องของความมั่นคง เพราะหากมีผู้ยกกรณีนี้มาเป็นตัวอย่าง ว่าแรงงานต่างด้าวต้อง การไปศึกษาดูงานต่างประเทศ จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นตามมาอีก อย่างไรก็ตาม ในความคิดเห็นส่วนตัวการแข่งขันชิงแชมป์พับเครื่องบินกระดาษ หากพม่าส่งตัวแทนของประเทศเขาไปด้วย และด.ช.หม่องไปในนามประเทศอะไร เพราะด.ช.หม่องยังคงมีสัญชาติพม่า ตามทะเบียนที่ขึ้นไว้ และเท่าที่ทราบ ด.ช.หม่องแจ้งต่อครูว่าไม่มีพ่อแม่ ครูจึงแจ้งให้ ผอ.โรงเรียนทำเรื่องขึ้นทะเบียนใหม่ แต่ในเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่า ด.ช.หม่องมีพ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าว มีตัวตนและยังมีชีวิตอยู่ จึงจำเป็นต้องยึดทะเบียนตัวเดิมเป็นหลัก

"เรื่องที่เกิดขึ้นทั้ง หมดเป็นเพราะ ผอ.โรง เรียนไม่ทำตามขั้นตอน เพราะกระทรวงมหาด ไทยได้รับการประสานจากกระทรวงศึกษาธิการ ว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อน และยังกดดันกระทรวงศึกษาฯ ว่าจะต้องเป็นผู้ผลักดันให้ด.ช.หม่องเดินทางไปให้ได้ ดังนั้น สาเหตุที่ทำให้เรื่องล่าช้าเป็นเพราะ ผอ.โรงเรียนบ้านห้วยทรายไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของราชการ เพราะอาจจะใจร้อน จึงเกิดปัญหาขึ้น" อธิบดีกรมการปก ครองกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีที่กระทรวงมหาดไทยทำหนังสือแจ้งถึงกระทรวงการต่างประเทศ ว่าไม่ขัดข้องหากกระทรวงการต่างประเทศจะออกเอกสารเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อแข่งขันพับเครื่องร่อนกระดาษชิงแชมป์โลกให้แก่ด.ช.หม่องนั้น ไม่ได้เป็นการกลับลำของ กระทรวงมหาดไทย เพราะกระทรวงมหาดไทยยังยืนยันตามเดิมว่าไม่มีอำนาจตามกฎหมายอนุญาตให้บุคคล ไร้สัญชาติเดินทางออกนอกประเทศ หรือให้กลับเข้าประเทศ แต่หนังสือฉบับนี้เป็นการแสดงว่ากระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้องหากกระทรวงการต่าง ประเทศจะออกเอกสารเดินทางให้ อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในการอนุญาตเดินทางออก ส่วนการเดินทางกลับเข้าประเทศก็เป็นเรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยแล้ว

ถัดมาเวลา 15.45 น. ที่รัฐสภา ด.ช.หม่อง พร้อมด้วยนายดวงฤทธิ์ เภติมา ผอ.โรงเรียนบ้านห้วยทราย และนางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตส.ว. เชียงราย เดินทางมาขอพบนายอภิสิทธิ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ และคำยืนยันที่จะได้เดินทางไปญี่ปุ่น ภายหลังที่กระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้อง โดยด.ช.หม่องกล่าวว่า ขอบคุณทุกๆ คน ขอบ คุณประเทศไทยที่ให้โอกาสไปแข่งขันที่ญี่ปุ่น จะทำให้เต็มที่ ขอให้ประเทศไทยและคนไทยช่วยเชียร์ให้ได้รางวัลที่ 1 แต่ถ้าไม่ได้ก็คงเสียใจ วันนี้ดีใจมากที่ได้มารัฐสภา และจะได้พบนายกฯ เตรียมเครื่องบินกระดาษมาให้นายกฯ ด้วย

จากนั้นด.ช.หม่องขึ้นไปรอที่ หน้าห้องรับรองนายกฯ ชั้น 2 อาคารรัฐสภา พร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า "ผมตื่นเต้นมาก แต่ก็ดีใจ แต่ไม่รู่ว่าตอนนี้เขาเถียงอะไรกัน" ซึ่งในระหว่างนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กำลังปะทะคารมกับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ใน ห้องประชุมสภา กรณีคลิปเสียงคล้ายนายกฯ ก่อนที่นายกฯ จะขอชี้แจงในครั้งที่ 3 แล้วออกตัวว่าต้องรีบไปพบด.ช.หม่อง ที่มารออยู่

กระทั่ง เวลา 16.15 น. นายอภิสิทธิ์ออกจากห้องประชุมสภา มาพบด.ช.หม่อง พร้อมกับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยมีนางเตือนใจ และตัวแทนกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ เข้าหารือด้วยภายในห้องรับรองนายกฯ ซึ่งนายอภิสิทธิ์สอบถามนายกษิต ถึงเอกสารการเดินทางไปและกลับประเทศญี่ปุ่นของด.ช.หม่อง นายกษิตยืนยันว่า ในคืนวันที่ 3 ก.ย.นี้ทุกอย่างน่าจะเสร็จเรียบร้อย ขณะนี้กระทรวงการต่างประ เทศรอเอกสารต่างๆ จากกระทรวงมหาดไทยอย่างเดียว คิดว่าไม่น่ามีปัญหา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเอกสารการเดินทางไปและกลับเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติของด.ช.หม่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ชวนด.ช. หม่องคุยอย่างเป็นกันเอง สอบถามถึงผลการเรียนและภูมิลำเนา โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในเรื่องการให้สัญชาติของชาวต่างด้าวนั้นได้คุยกันในที่ประชุม สมช.ที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.กาญจนบุรี มีคนไร้สัญชาติมาก รัฐบาลให้ความสำคัญ กำลังพิจารณาอยู่ รวมถึงการให้หลักประกันด้านสุขภาพด้วย กำลังหารือกับกระทรวงสาธารณสุข

นายกฯ กล่าวต่อว่า กรณีแรงงานต่างด้าวนั้น ความจริงจะต้องถูกส่งตัวกลับเมื่อถึงเวลา แต่ขณะนี้รัฐบาลพยายามดูแล พร้อมให้ความช่วยเหลือ ยืนยันว่าต้องไม่เป็นภาระต่อผู้เสียภาษีชาวไทย ส่วนเรื่องปัญหาหลักประกันสุขภาพการรักษาพยาบาล รวมทั้งกรณีที่คนไร้สัญชาติจะได้ทุนไปเรียนต่างประเทศนั้น ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้ทำเรื่องมาที่นายกฯ โดยตรง หรือมาที่กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลจะดูแลให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ร้องขอจะได้ทุกกรณี แต่รัฐบาลให้ความสำคัญ จะทำโดยยึดหลักปฏิบัติสากล กรณีด.ช. หม่องถือเป็นกรณีตัวอย่าง ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตัดสินใจพิจารณา โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้านด.ช.หม่องกล่าวขอบคุณ นายกฯ ว่า "ขอขอบคุณนายกฯ ผมรักท่านมากครับ นายกฯ ใจดี" ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะตอบว่า ไม่ใช่นายกฯ คนเดียวที่ใจดี ผู้ใหญ่ทุกคนก็ใจดี เป็นห่วงเป็นใย ขอให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำสิ่งที่ทำอยู่นี้ให้ดี ตั้งใจทำต่อไป จากนั้นด.ช.หม่องมอบเครื่องบินกระดาษให้นายกฯ ขณะที่นายกฯ มอบถุงของขวัญให้ เป็นของเล่นและขนม ก่อนที่ด.ช.หม่องและคณะจะเดินทางกลับ และกล่าวก่อนขึ้นรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า "ดีใจมาก ทั้งเรื่องที่จะได้ไปแข่งที่ญี่ปุ่น และดีใจที่ได้พบนายกฯ เดี๋ยวจะไปบอกพ่อและแม่ว่าได้ไปญี่ปุ่นแล้ว ในอนาคตถ้าโตขึ้นผมอยากเป็นนักบิน" ด.ช.หม่องกล่าว

วันเดียวกัน ที่ จ.เชียงใหม่ นายยุ้น ทองดี พ่อของด.ช.หม่อง กล่าวก่อนจะทราบข่าวด.ช.หม่องได้เดินทางไปญี่ปุ่นว่า เสียใจมากที่ลูกจะไม่ได้รับโอกาสไปแข่งขัน ดูทีวีแล้วเห็นลูกร้องไห้ สงสารมาก เพราะตั้งใจมุ่งมั่นที่จะไปแข่งขันมาก ฝึก ซ้อมมาแรมปี ไม่อยากเห็นลูกเสียใจมากไปกว่านี้

"ทราบข่าวครูจะพาลูกไปพบนายกฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ จึงฝากความหวังที่นายกฯ จะสานฝันลูกเป็นจริง เพื่อแสดงความสามารถสร้างชื่อเสียงประเทศ ที่สำคัญอยากให้ลูกตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด ทำคุณงามความดีให้ประเทศ ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับลูก อยากกอดหอมลูกให้กำลังใจและคลายความคิดถึง ถ้าลูกไม่ได้ไปจริงๆ จะบอกลูกให้ทำใจ ไม่เสียใจ พยายามทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้ แม้มีอุปสรรคก็อย่าท้อแท้ท้อถอย ยังมีความหวังรออยู่" นายยุ้นกล่าว

พ่อของด.ช.หม่องกล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ทำงานรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างในหมู่บ้านรุ่งอรุณ ที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ มีรายได้วันละ 100-200 บาท มีลูกสาววัย 2 ขวบอีกคน น้องสาวของ ด.ช.หม่องก็คิดถึงพี่ และเรียกร้องหาทุกวันเช่นกัน หากลูกไม่ได้ไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะโรง เรียนพยายามทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ไม่โทษใคร และยอมรับได้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook