ติวเตอร์สาวตกงาน ขังตัวเองในบ้านอยู่กับแมว 30 กว่าตัว ไม่พอใจมูลนิธิมาช่วย

ติวเตอร์สาวตกงาน ขังตัวเองในบ้านอยู่กับแมว 30 กว่าตัว ไม่พอใจมูลนิธิมาช่วย

ติวเตอร์สาวตกงาน ขังตัวเองในบ้านอยู่กับแมว 30 กว่าตัว ไม่พอใจมูลนิธิมาช่วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่ร้องมูลนิธิปวีณาช่วย ลูกสาวตกงานเพราะโควิด-19 กลับมาขังตัวเองในบ้านอยู่กับแมว 30 กว่าตัว กลิ่นเหม็นตลบ แมวก็จะอดตาย

ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.2 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นางปวีณา หงสกุล พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางลงพื้นที่หลังจากได้รับการร้องเรียนจาก นางพิม (นามสมมติ) ว่าบุตรสาวคือ น.ส.พร (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ซึ่งตกงานจากพิษโควิด-19 และกลับมาอยู่บ้านที่ อ.ชะอวด พร้อมกับนำแมว 30 ตัวลงมาอยู่ด้วย โดยบุตรสาวนั้นเป็นเด็กเรียนเก่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังทำงานเป็นติวเตอร์และขายดอกไม้ออนไลน์ อยู่กรุงเทพกว่า 10 ปีแล้ว แต่เมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจากสถานการณ์โรคโควิด-19 บุตรสาวไม่มีงานทำไม่มีรายได้ จึงเดินทางกลับมาอยู่บ้าน

โดยลูกสาวได้จ้างรถขนแมวพันธุ์เปอร์เซียกว่า 30 ตัวลงมาด้วย แต่ทิ้งทรัพย์สินอื่นๆ ไว้ที่ กทม. เพราะไม่สามารถขนลงมาได้หมดเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขนส่งแพง แต่แมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่บุตรสาวตนรักได้มีการจ้างรถขนลงมา เมื่อมาอยู่บ้านซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ ก็นำแมวทั้ง 30 กว่าตัว เลี้ยงไว้ในบ้านและปิดหน้าต่างปิดประตูหมด

ในขณะที่ด้านนอกก็มีสุนัขพันธุ์เล็กประมาณ 6 ตัว ตนต้องออกมานอนแคร่ด้านนอกเพราะไม่สามารถนอนในบ้านได้ เนื่องจากความเหม็นของแมวที่อุจจาระและปัสสาวะอยู่ในบ้านไม่มีอากาศถ่ายเท และที่สำคัญแมวกำลังจะอดตายเพราะบุตรสาวก็ไม่มีรายได้ซื้ออาหารมาให้กิน ตนเองไม่สามารถเข้าบ้านได้ และมีปัญหากับบุตรสาวมาโดยตลอด

นางพิม กล่าวอีกว่า ตนเป็นห่วงบุตรสาวที่ชอบเก็บตัวอยู่ในบ้านกับแมวที่มีกลิ่นเหม็นเน่าจากอุจจาระและปัสสาวะ เกรงลูกจะเครียดและคิดสั้นจากปัญหาการตกงานและการตั้งความหวังในชีวิตแต่ไม่สมหวัง จึงประสานมูลนิธิปวีณาฯ ให้มาช่วยพาบุตรสาวตนไปรักษาและช่วยเหลือแมวทั้ง 30 กว่าตัวด้วย

ผู้สื่อข่าวระบุว่า เมื่อคณะของมูลนิธิปวีณาฯ มาถึง ได้มีการเข้าไปเจรจากับ น.ส.พร แต่ปรากฏว่า น.ส.พรไม่ยินยอมให้เอาแมวไป และไม่พอใจที่มูลนิธิและคณะเดินทางมา พร้อมกับระบุว่ายังสามารถดูแลแมวได้และที่สำคัญตนรักแมวทั้งหมดมาก คิดจะทำคอกและล้างในบ้านแต่ยังไม่ว่างที่จะทำ โดย น.ส.พร แสดงความไม่พอใจนางพิมผู้เป็นแม่ที่ประสานมูลนิธิไป หลังจากมีการเจรจาเกลี้ยกล่อมกันอยู่พักใหญ่ ทาง น.ส.พร จึงยินยอมให้สัตวแพทย์เข้ามาดูแลในการทำวัคซีนและทำหมันแมว ซึ่ง น.ส.พร ระบุว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นก็จะขนแมวทั้งหมดกลับไปเลี้ยงที่กรุงเทพ

ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า เคสนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เป็นปัญหาเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คนตกงานและมีความเครียดโดยไม่รู้ตัว หรือกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว ตนได้ประสานทั้งทางอำเภอและปศุสัตว์จังหวัด ผู้ใหญ่บ้านที่สนิทกับเด็กให้เข้ามาช่วยเจรจา โดยต้องช่วยแมวก่อน ให้เขาวางใจว่าเราต้องการช่วยจริงๆ และขั้นตอนต่อไปก็ค่อยนำตัวเขาไปรักษา ซึ่งตอนนี้ก็มีปศุสัตว์ พัฒนาสังคม เข้ามาช่วยดูแล ซึ่งก็คงต้องช่วยกันต่อไปเพราะปัญหาลักษณะนี้มีมากในปัจจุบัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook