บัวแก้วออกหนังสือเดินทางให้น้องหม่องไปญี่ปุ่น

บัวแก้วออกหนังสือเดินทางให้น้องหม่องไปญี่ปุ่น

บัวแก้วออกหนังสือเดินทางให้น้องหม่องไปญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปลัดมท.ร่อนสารถึงปลัดกต.ให้น้องหม่องไปญี่ปุ่นล่าสุดบัวแก้วออกหนังสือเดินทางให้แล้ว ทนายน้องหม่องเผยพร้อมยื่นถอนฟ้อง มท.1 พ่อ-แม่ น้องหม่อง หวังลูกชายได้รับโอกาสจากคนไทย เป็นตัวแทนไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่ญี่ปุ่น เผยไม่เรียกร้องขอสิทธิ์ได้รับสัญชาติไทย แต่ต้องการเป็นตัวแทนไปแข่งขันเพื่อตอบแทนบุญคุณประเทศไทย- คนไทย

(4ก.ย.) นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท.0308.4/1045 และ 1046 เรื่องขอความอนุเคราะห์ให้บุตรแรงงานต่างด้าว เดินทางออกนอกราชอาณาจักร และเดินทางกลับเข้ามาอีก เป็นการเฉพาะราย หนังสือทั้งสองฉบับ ส่งไปที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

"น้องหม่อง"ได้พาสปอร์ตเหลืองบินไปแข่งพับเครื่องบินกระดาษ

นายพีรวิช สุวรรณประเทศ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางสาวมธุรพจนา อิทธะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล ได้มอบเอกสารเดินทางชั่วคราวสำหรับคนต่างด้าว (Travel Document for Alien) ให้กับเด็กชายหม่อง ทองดี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านห้วยทราย ซึ่งจะเดินทางไปแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษ ที่ประเทศญี่ปุ่น ภายหลังมีปัญหาไม่ได้รับการอนุมัติให้เดินทางออกนอกจากประเทศได้ เนื่องจากเป็นบุตรแรงงานต่าวด้าวพม่า โดยเด็กชายหม่องสามารถใช้เอกสารดังดล่าวเดินทางไปต่างประเทศ และสามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยได้ ซึ่งเอกสารดังกล่าว สามารถใช้เดินทางได้เพียงครั้งเดียว ภายใน 90 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกเอกสารดังกล่าว มีขึ้นภายหลังที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ออกเอกสารกับเด็กชายหม่อง สามารถเดินทางไปต่างประเทศและกลับเข้ามาไทยได้อีก เป็นการเฉพาะราย ในช่วงเช้าของวันนี้ (4 ก.ย.) โดยเจ้าหน้าที่กรมการกงสุลได้ใช้เวลา 15 นาที เพื่อออกเอกสารให้เด็กชายหม่อง ซึ่งเดินทางมายื่นเอกสารพร้อมกับ ผอ.โรงเรียนบ้านห้วยทราย และคณะที่จะเดินทางไปร่วมแข่งขันการพับกระดาษที่ประเทศญี่ปุ่น

ทนายน้องหม่อง เผยพร้อมยื่นถอนฟ้องหากมท.1

นายนิติธร ล้ำเหลือ ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านผู้ไร้สัญชาติ ชนชาติ ผู้พลัดถิ่น และแรงงานข้ามชาติ สภาทนายความ ซึ่งรับผิดชอบคดีของ ด.ช.หม่อง ทองดี ว่า ขณะนี้ศาลปกครองกลาง แจ้งให้ทราบว่าศาลจะนัดไต่สวนคดีที่ด.ช.หม่อง ยื่นฟ้องนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้อง เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร และไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 รวมทั้งขัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 กรณีที่ยังไม่พิจารณาทำความเห็นชอบเพื่ออนุญาตให้ ด.ช.หม่อง ผู้ฟ้อง ได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษ ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ หลังจากที่เมื่อวานนี้ ( 3 ก.ย) ศาลมีคำสั่งให้รอฟังผลการดำเนินงานของฝ่ายปกครองเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ ยังไม่มีหนังสือของ รมว.มหาดไทย ลงนามอย่างเป็นทางการ ดังนั้นศาลจึงศาลคู่ความทั้งสองฝ่ายไต่สวนอีกครั้ง

นายนิติธร กล่าวอีกว่า แต่อย่างไรก็ดีระหว่างนี้ ตนทราบว่า กระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินงานภายในที่จะทำหนังสืออนุญาต ด.ช.หม่อง ซึ่งหากตนได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยอย่างเป็นทางการ ก็พร้อมจะแจ้งให้ศาลทราบและขอถอนฟ้องคดีต่อไป

นายกฯเผยสมช.กำลังทำแนวทางดูแลปัญหาสัญชาติ-คนต่างด้าว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาเรื่องสัญชาติและคนต่างด้าวในประเทศไทยว่า ได้ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พิจารณาไปครั้งหนึ่งแล้ว และกำลังจัดทำแนวทางให้มีความชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ คิดว่ามีคนจำนวนมากที่เข้ามาอยู่ในไทย หรือเกิดในประเทศไทยและอยู่มานาน ซึ่งได้รับสิทธิอยู่แล้ว เช่น กรณีของ ด.ช.หม่อง ที่เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน ดังนั้น ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเมื่อคนเหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย แล้วจะได้รับการดูแล ขณะเดียวกัน ก็ต้องระมัดระวัง เนื่องจากมีหลายกลุ่มที่เข้ามาแล้วมีการทำผิดกฎหมาย ลักลอบเข้ามาบ้าง ต้องพยายามแยกแยะให้ได้ ซึ่งขณะนี้ สมช.จะดูภาพรวมทั้งหมด โดยกระทรวงแรงงานได้แก้ปัญหาสำหรับแรงงานต่างด้าวไปบ้างแล้วในการกำหนดกรอบกติกา การจดทะเบียนเพื่อให้อยู่ชั่วคราวได้ แต่ต้องสะสางเรื่องอย่างเป็นระบบ เพราะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการผลักดันม้งที่มีอยู่ในประเทศประมาณ 4,000 คน กลับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่า รัฐบาลมีแนวทางการทำงานอยู่ โดยการส่งกลับต้องเป็นเรื่องสมัครใจ แต่มีแผนการทำงานระหว่างไทยกับลาวจะดูแลกันว่า กระบวนการทุกอย่างต้องโปร่งใส กลับไปแล้วให้ความมั่นใจได้ว่าอยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ดี โดยให้ต่างประเทศมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ

อาจารย์ ม.พายับจี้รัฐควรให้โอกาสคนไร้สัญชาติ

นางอายุ นามเทพ อาจารย์ประจำภาควิชาดุริยศิลป์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ อาจารย์สอนดนตรีและนักเปียโนไร้สัญชาติ ผู้ลี้ภัยสงครามจากประเทศพม่า กล่าวว่า คนที่มีความสามารถพิเศษในตัวถือเป็นบุคลากรที่มีค่า เช่นเดียวกับด.ช.หม่อง เด็กไร้สัญชาติ ที่มีความสามารถพิเศษในการพับเครื่องบินกระดาษ และทำให้ลอยอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน จนชนะเลิศการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 5 รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี

ทั้งนี้ บุคคลที่ได้รับสถานะเป็นคนไร้สัญชาติ ถือเป็นความเลวร้ายในชีวิตของบุคคลนั้นอยู่แล้ว การที่บุคคลไร้สัญชาติมีความสามารถควรได้รับกาดูแลเอาใจใส่ ไม่ถูกปล่อยปะละเลยและควรได้รับการผลักดันให้เป็นคนที่มีคุณภาพ หากรัฐจะผลักดันและรับบุคคลไร้สัญชาติที่มีคุณภาพไว้ ยิ่งจะทำให้ประเทศชาติเจริญยิ่งขึ้น

นางอายุ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับน้องหม่องที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มการแข่งขันในวันที่ 15 ก.ย.นี้ รู้ว่าน้องหม่องเหน็ดเหนื่อยมากกับความพยายามเรียกร้องสิทธิ์เพื่อเดินทางไปแข่งขัน ตนเห็นความตั้งใจของน้องหม่อง และเมื่อมีโอกาสได้เดินทางไปแข่งขันที่ญี่ปุ่นถือเป็นโอกาสดีในชีวิต จึงขอให้น้องหม่องทำให้ดีที่สุด ขอเอาใจช่วยให้นำชัยชนะกลับมาตามที่ตั้งใจไว้

ส่วนความคืบหน้าการยื่นเรื่องขอแปลงสัญชาติของตนนั้น หลังจากยื่นเรื่องไปตั้งแต่ปี 2548 จนผ่านขบวนการต่างๆหลายขั้นตอน ล่าสุดหลังผ่านการกรั่นกรองเมื่อเดือน พ.ย.2551 ล่าสุดเรื่องอยู่ที่หน้าห้องของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการส่งให้รัฐมนตรีใช้ดุลพินิจในการให้สัญชาติ ก่อนดำเนินการในขั้นตอนการให้สัญชาติ

"ดิฉันเข้าใจว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คงลำบากใจที่จะอนุมัติให้สัญชาติกับดิฉัน เพราะเกรงว่าคนไร้สัญชาติในประเทศไทยอีกกว่า 2 แสนคนจะตามมาอีก แต่กระบวนการขอแปลงสัญชาติไม่ใช่เรื่องง่าย มีขั้นตอนที่ละเอียดและยุ่งยากพอสมควร ใช่ว่าคนไร้สัญชาติทั้ง 2 แสนคนจะลุกขึ้นมายื่นเรื่องขอแปลงสัญชาติได้ทุกคน และเรื่องของดิฉัน ก็ขอแปลงสัญชาติในกรณีของผู้ทำคุณประโยชน์ จึงอยากวิงวอนให้ท่านช่วยเร่งรัดพิจารณา ไม่อยากให้ปฎิเสธบุคคลที่มีคุณค่า และมีความสามารถไม่เฉพาะกรณีของดิฉันเท่านั้น"นางอายุกล่าว

พ่อ-แม่"น้องหม่อง"หวังลูกได้รับโอกาสจากคนไทย

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับพ่อและแม่ของด.ช.หม่อง ที่ทำงานเป็นกรรมการก่อสร้างในโครงการบ้านรุ่งอรุณ 3 อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยนายยุ้น ทองดี อาย 32 ปี แรงงานต่างด้าวชาวพม่า พ่อของด.ช.หม่อง กล่าวว่า ลูกชายเดินทางไปวิ่งเต้นเพื่อขอให้ทางการไทยอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศไปแข่งขันเครื่องบินพับกระดาษที่ญี่ปุ่นได้ 2-3 วันแล้ว เมื่อวานนี้ลูกโทรศัพท์มาคุยน้ำเสียงแสดงความดีใจ บอกว่าจะได้ไปแข่งขันแล้ว ทำให้ตนเองและครอบครัวมีความหวังขึ้นมา แม้วันนี้จะยังไม่ทราบผลอย่างเป็นทางการว่าทรงการจะอนุญาตให้เดินทางไปได้หรือไม่

ทั้งนี้การเรียกร้องสิทธิ์ขอเดินทางออกนอกประเทศของลูกชาย ตนเองไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับสิทธิด้านอื่นเพิ่มเติม เช่น การได้รับสัญชาติไทย ขอเพียงให้ลูกได้มีโอกาสเดินทางไปแข่งขันในฐานะตัวแทนของประเทศไทยตามที่มุ่งหวังไว้ก็พอ เพื่อตอบแทนบุญของประเทศไทยและคนไทยที่ใจดีช่วยเหลือและให้ครอบครัวของเราได้อยู่ในประเทศไทย

นายยุ้น กล่าวอีกว่า แม้ด.ช.หม่องไม่ใช่เด็กที่เรียนหนังสือเก่ง แต่เป็นคนขยันขันแข็ง ช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานบ้าน ทั้งล้างจาน ซักผ้า หุงข้าว และช่วยเลี้ยงน้องเหมียว เวลาพ่อแม่ต้องออกมาทำงานก่อสร้าง

ส่วนความสามารถเรื่องการพับเครื่องบินกระดาษและทำให้ลอยอยู่บนอากาศได้เป็นเวลานานๆนั้น ลูกชายชอบเล่นพับกระดาษมานานแล้ว ถ้ามีเวลาว่างก็จะเอากระดาษมาพับเป็นเครื่องบิน สำหรับความฝันของลูกชายเมื่อโตขึ้น เขาบอกว่าอยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ อยากช่วยพ่อแม่ทำงานและดูแลน้อง

นายยุ้น กล่าวอีกว่า ตนและภรรยา คือนางมอย ทองดี อพยพมาจากเมืองน้ำจาง ในรัฐฉาน ประเทศพม่า เพื่อหนีจากความยากจน โดยตั้งใจเดินทางมาประเทศไทยเพราะรู้ว่ามีงานให้ทำและจะได้รับค่าจ้าง โดยเดินทางเข้ามาทาง อ.ฝาง ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ในสวนผลไม้ที่อ.ไชยปราการ โดยด.ช.หม่อง เกิดที่อ.ไชยปราการ ส่วนลูกสาวคนที่ 2 เกิดที่โรงพยาบาลหางดง ปัจจุบันตนเองได้รับค่าจ้างวันละ 180 บาท ส่วนภรรยาได้วันละ 55 บาท

ด้านนางมอย ทองดี อายุ 32 ปี แม่ของด.ช.หม่อง กล่าวว่า เอาใจช่วยอยากให้ลูกชายเดินทางไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่ประเทศญี่ปุ่นตามที่ตั้งใจไว้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook