สศช.เผยภาวะสังคมไตรมาส2ดีขึ้น ตกงานพ้นวิกฤติ

สศช.เผยภาวะสังคมไตรมาส2ดีขึ้น ตกงานพ้นวิกฤติ

สศช.เผยภาวะสังคมไตรมาส2ดีขึ้น ตกงานพ้นวิกฤติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สภาพัฒน์ ชี้สภาวะสังคมไตรมาส 2 ดีขึ้น สถานการณ์ตกงานพ้นวิกฤติ ส่วนคดีเยาวชนยาเสพติดยังครองแชมป์ ตามติดด้วยการเลียนแบบพฤติกรรมปาหิน

นางสุวรรณี คำมั่น รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงรายงานความเคลื่อนไหวทางสังคมในช่วงไตรมาส 2 ระหว่างเดือนเมษายน ถึงมิถุนายน ประจำปี 2552 ดังนี้ มิติคุณภาพคน พบว่าปัญหาการว่างงานได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติแล้ว ซึ่งจากเดิมเคยมีการคาดการณ์อัตราการว่างงานเอาไว้สูงถึง 1 ล้านคน แต่จากผลสำรวจภาวะการทำงาน พบมีผู้ว่างงาน 6.7 แสนคนคิดเป็น 1.8% และลดลงจากช่วงแรกที่เคยสำรวจไว้ถึง 2.5% ซึ่งตัวเลขว่างงานที่ลดลงนี้ยังสอดคล้องกับตัวเลขของผู้ได้รับการบรรจุงานที่มีราว 68,142 คน จากตำแหน่งว่าง 103,028 คน หรือคิดเป็น 66% ของตำแหน่งที่เปิดรับ และผู้ประกันตนที่ขอรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานที่ลดลงเหลือเพียง 69,291 คน

ดังนั้นจึงประเมินได้ว่าแนวโน้มการว่างงานก่อนสิ้นปีนี้จะไม่เกิน 2% อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจ คือ การจ้างงาน ขยายในภาคเกษตรถึง 2.5% ที่เกิดจากแรงงานย้ายกลับภูมิลำเนาของตัวเอง และเป็นจังหวะดีที่รัฐบาลมีโครงการรองรับ เช่น โครงการต้นกล้าอาชีพ ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการเตรียมความพร้อมแรงงานได้ทางหนึ่ง

นางสุวรรณี กล่าวว่า ภาวะทางด้านสุขภาพนั้น น่ากังวลว่ามีหลายโรคที่ต้องเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคชิคุนกุนยาที่ระบาดหนักในภาคใต้ แถวจ.นราธิวาส และมียอดผู้ป่วยกว่า 21,357 ราย ถือว่าสูงขึ้นจากช่วงแรกถึง 58% ขณะที่โรคไข้เลือดออกก็มีแนวโน้มมากขึ้นเช่นกัน ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถึงแม้อัตราการเสียชีวิตจะต่ำมียอดสะสมถึงเดือนส.ค.นี้ รวม 14,976 คน และผู้เสียชีวิต 119 ราย แต่กระแสความตื่นตัว ก็ส่งผลให้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลมากถึง 21,119 คน ขณะเดียวกันยังต้องติดตามและเฝ้าระวังเป็นพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้แพร่กระจายไปสู่คนชนบทและเกิดการข้ามสายพันธุ์ของเชื้อหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กับไข้หวัดตามฤดูกาล โดยเสนอให้ความรู้ที่ถูกต้องกับประชาชนในการดูแลสุขภาพและป้องกันตัวเอง

เยาวชนแชมป์คดียาเสพคดี - ปาหินมาแรง

รองเลขาธิการ สศช.กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นด้านความมั่นคงนั้น ภาพรวมคดีอาญาลดลง โดยเฉพาะคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ลดลง 8.1% ส่วนคดีชีวิต ร่างกายและเพศแจ้งความ 8 , 109 คดีลดลง 3.2% เนื่องจากสามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดได้มากขึ้น และสอดรับกับมาตรการเชิงรุก เช่น การเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงและจัดชุดสายตรวจ ส่วนการจับกุมในคดียาเสพติดมีการจับกุมได้ 57,156 คดี ลดลงจากช่วงแรกแค่ 1.1% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2551 ถึง 9.2% ขณะที่คดีของเด็กและเยาวชน ซึ่งอัตราการจับกุมดำเนินคดีโดยสถานพินิจทั่วประเทศรวม 6 , 940 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 7.3% แต่ความผิดอันดับแรกยังคงเป็นเรื่องของยาเสพติด 17.6% รองลงมาเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ส่วนหนึ่งนำไปซื้อยาเสพติดและมั่วสุมในกลุ่มเพื่อน

"ปัญหาเยาวชนที่เริ่มมีมากขึ้นในระยะ 2-3 เดือนนี้คือ พฤติกรรมการเลียนแบบกรณีการขว้างหินใส่รถยนต์ ซึ่งแม้จะมีไม่มาก แต่เป็นพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหาย และเกิดพฤติกรรมเลียนแบบแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ รวมทั้งมีการดัดแปลงจากปาหินมาใช้หนังสติ๊ก หรือลูกยิงหัวน็อต ซึ่งเป็นวิธีการที่รุนแรง และขยายเป้าหมายไปยังพาหนะประเภทอื่นด้วย เช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟ ทั้งนี้จากข้อมูลการจับกุมเยาวชนในดคีปาหินระหว่างเดือนก.ค. - ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุมีอายุต่ำกว่า 18 ปีสูงถึง 42% และอายุ 25 ปีขึ้นไป 47% และเยาวชนที่รับสารภาพต่างบอกตรงกันว่ามาจากความคึกคะนองและบางรายอยากเลียนแบบจากข่าวที่มีการนำเสนอ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาความผิดคดีเยาวชนควรต้องบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook