“ทนายเดชา” ชี้รื้อคดี “บอส” ยังทำได้ อยู่ที่อัยการตำรวจจะกล้าทำหรือไม่

"ทนายเดชา" ชี้ ช่องรื้อคดี "บอส อยู่วิทยา" ยังทำได้ โดยอาศัย ป.วิอาญา ม.147 นำพยานนอกสำนวนมาสอบ อยู่ที่อัยการตำรวจจะกล้าทำหรือไม่ 

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ กล่าวถึง แนวทางการรื้อคดีหลังอัยการและตำรวจมีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ว่า การรื้อคดี ยังสามารถทำได้โดยอาศัยกฎหมาย “ประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา  มาตรา 147 เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีแล้ว ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นในเรื่องเดียวกันนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้  ซึ่งกรณีนี้หากจะทำก็ทำได้เลย ขอเพียงมีผู้ไปร้องกับพนักงานสอบสวนให้องค์ประกอบ จากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวน โดยนำพยานนอกสำนวน (พยานใหม่) ที่ยังไม่เคยมีการสอบสวนมาก่อนเข้ามา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความเร็วรถ ซึ่งยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถดึงเข้ามาในสำนวนใหม่ได้ มองว่าหากต้องการเรียกความเชื่อมั่นจริงๆอัยการและตำรวจ ต้องกล้าที่จะทำ เพื่อให้ผู้คนเชื่อมั่นว่ากฎหมายยังศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นก็จะโดนต่อว่าไปอีกเป็น 10 ปี ว่ามีเงินก็ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไปได้ การวิ่งเต้นยังมีในสังคมไทย ส่วนการรอให้คณะกรรมการแต่ละชุดชี้ความบกพร่องของหน่วยงานตัวเอง เพื่อนำไปสู้การรื้อคดีใหม่เป็นไปได้ยาก

ทนายเดชา กล่าวด้วยว่า การที่ นายจารุชาติ มาดทอง พยานปากเอกในคดีที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต มองว่าทำให้เสียโอกาสในการพิสูจน์ความจริง เพราะหากยังมีชีวิตอยู่ก็จะทราบว่าผ่านมา 7 ปี ใครเป็นคนไปเชิญมาให้ปากคำหรือมีใครจ้างมาหรือไม่ เป็นพยานจริงหรือเท็จในคดีนี้ ข้อมูลตรงนี้ก็จะหายไปหมด ส่วนการดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดกับ นายบอส หากพิสูจน์ได้ว่ามีการเสพโคเคนจริง ยังสามารถดำเนินคดีได้อยู่ เพราะเป็นยาเสพติดประเภท2 (โคเคน) มีอายุความ 10 ปี ยังเหลือเวลาอีก 2 ปี นับจากวันที่ตรวจเมื่อปีเดือน ก.ย. 2555 แต่ต้องแยกเป็นคนละคดีไป ซึ่งข้อหานี้ก็สามารถขอศาลออกหมายจับ รวมถึงขอหมายแดงของตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลได้ เพราะยาเสพติดเป็นเรื่องร้ายแรงทั่วโลกอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการติดตามตัว นายบอส กลับมาดำเนินคดีในไทยเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก