รพ.ชัยนาทฯ แจงดราม่าสลับศพทารกให้ครอบครัวอื่นเผา จ่อฟันวินัยเจ้าหน้าที่ห้องดับจิต
โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ตั้งโต๊ะแถลงดราม่าสลับศพทารก ยืนยันไม่มีเจตนาซ่อนเร้นทำลายศพ จ่อฟันวินัยเจ้าหน้าที่ห้องดับจิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. แพทย์หญิงณัฐพร ประกอบ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงต่อสื่อมวลชนในกรณีเกิดการจำหน่ายศพทารกผิด โดยได้ไหว้ขอโทษผ่านสื่อมวลชนไปยังครอบครัว
เหตุการณ์ที่เกิดการจำหน่ายศพทารกผิดนั้น ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากบุคลากรของโรงพยาบาลเอง ที่ไม่รอบคอบในการตรวจสอบศพก่อนส่งมอบ ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น จนเป็นกระแสรุนแรงว่าทางโรงพยาบาลใช้ขบวนการในการทำลายหลักฐาน เพื่อปิดบังสาเหตุการเสียชีวิตของทารก ที่มีกรณีพิพาทอยู่กับครอบครับของนางสาวกฤษณา
แพทย์หญิงณัฐพร ย้ำหนักแน่นว่า ทางโรงพยาบาลไม่ได้ต้องการกระทำตามที่มีข้อสงสัย เพราะการพิสูจน์สาเหตุการตายด้วยการผ่าศพนั้น ทางโรงพยาบาลเองด้วยซ้ำที่แนะนำทางครอบครัวผู้เสียหายให้ส่งศพผ่า เพื่อคลายข้อสงสัย
ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในกรณีจำหน่ายศพผิดตัวขึ้น และคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปและบทลงโทษภายใน 7 วัน โดยการสอบสวนคงจะเน้นไปที่เจ้าหน้าที่ห้องเก็บรักษาศพที่เป็นกุญแจสำคัญในขั้นตอนการส่งมอบศพ หากพบว่ามีความผิดก็ต้องถูกลงโทษทางวินัย อาจจะหนักเบาตามมูลเหตุที่พบ
ส่วนเรื่องที่หมอพยาบาลไปร่วมกันเผาศพนั้น เป็นเรื่องปกติที่หมอพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยถ้าทราบว่ามีการตายและเป็นศพอนาถา ก็จะช่วยเหลือและไม่ร่วมแสดงความเสียใจทุกราย ขณะที่สาเหตุการตายของทารกนั้นขอให้รอผลการผ่าพิสูจน์จากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ก่อน จึงจะฟันธงได้ว่าตายก่อนหรือหลังคลอด
ในส่วนการเจรจาชดใช้เยียวยาครอบครัวของนางสาวกฤษณานั้น ทางโรงพยาบาลอยู่ระหว่างติดต่อประสานไปซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะเข้ามาพูดคุยหรือตกลงกันเมื่อไหร่ เพราะยังอยู่ระหว่างความโศกเศร้า รอให้ทุกอย่างคลี่คลาย ค่อยมาคุยกันใหม่
การแถลงข่าวดังกล่าว สืบเนื่องจาก นางสาวกฤษณา ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ขณะไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยต้องนอนทนปวดท้องกว่า 2 ชั่วโมง แต่พยาบาลไม่ยอมให้เธอเบ่งลูกออก จนทำให้เธอต้องสูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะหลังจากที่เธอทนไม่ไหวเบ่งคลอดลูกออกมา
แพทย์บอกว่าลูกชายของเธอไม่หายใจและเสียชีวิตลง โดยอ้างว่าเด็กเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้เธอและสามีไม่ปักใจเชื่อเพราะการตรวจครรภ์ก่อนคลอดลูกยังดิ้น ชีพจรยังปกติ จึงต้องการร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายและครอบครัว
แต่ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทางโรงพยาบาลได้จ่ายศพผิดโดยเอาศพสลับกับครอบครัวอื่นและถูกเผาไปแล้ว ทำให้ทางครอบครัวผู้เสียหายมั่นใจว่าเป็นกระบวนการทำลายหลักฐานของคนที่มีส่วนกระทำผิด จึงเข้าแจ้งความเพิ่มเติมแล้ว