ลุงตู่ แจงตั้ง "ดอน" ควบรองนายกฯ หวังดึงต่างชาติลงทุน-"นฤมล" ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ลุงตู่ แจงตั้ง "ดอน" ควบรองนายกฯ หวังดึงต่างชาติลงทุน-"นฤมล" ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ลุงตู่ แจงตั้ง "ดอน" ควบรองนายกฯ หวังดึงต่างชาติลงทุน-"นฤมล" ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (7 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุผลการเพิ่มตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีให้กับนายดอน ปรมัตถ์วินัย อีก 1 ตำแหน่ง ว่า เนื่องจากต้องการให้เข้ามาดูแลงานเพื่อยกระดับกระทรวงการต่างประเทศ ในการดูแลงานด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย เพราะเรื่องงานต่างประเทศไม่ใช่แค่เรื่องของความสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวแต่มีเรื่องการลงทุนด้วย ทั้งนี้ ยังหวังให้เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี ในการพูดคุยและเชิญชวนเข้ามาลงทุนในประเทศด้วย โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 คลี่คลาย

ส่วนเหตุผลที่ต้องมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน คือ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั้น เพราะต้องการให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ เพื่อตอบโจทย์การมีงานทำให้มากยิ่งขึ้น เพราะรัฐบาลอยากให้คนไทยพัฒนาตัวเองให้เป็นระดับหัวหน้าแรงงานและมีฝีมือ ไม่อยากให้เป็นแรงงานที่ไร้ฝีมือ

พร้อมขอประชาชนอย่าเลือกงานในช่วงนี้ โดยรัฐบาลพยายามเปิดโครงการเพื่อให้ประชาชนมีรายได้เลี้ยงครอบครัว ควบคู่กับมาตรการการเงินการคลัง และเพื่อผ่อนคลายช่วยประชาชนที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งนี้ ต่อไปจะต้องวางแนวทางว่าจะหาเงินจากไหนเข้ามาในระบบเพื่อดูแลเงินกู้ในขณะนี้

พร้อมฟังเสียงวิจารณ์ทีมเศรษฐกิจใหม่ รับยังไม่เคาะชื่อโฆษกคนใหม่ ดีใจสื่อนำเสนอข้อมูลโรงแรมถูกจองเต็ม

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงกระแสตอบรับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ว่า พร้อมรับฟังทุกความเห็นทุกฝ่ายอยู่แล้ว และถามกลับมีกี่คนที่ชอบ กี่คนที่ไม่ชอบ แล้วจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่ชอบให้ชอบ แต่ทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล อยู่ที่คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีว่ามีนโยบายอย่างไร และการขับเคลื่อนหลังจากนี้ต้องรอการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเพื่อทำหน้าที่ตามขั้นตอน

สำหรับกระแสข่าวว่า นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะเข้ามาเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีชื่อหลายคนที่เสนอมา แต่การตัดสินใจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี

"บิ๊กตู่" ยังกล่าวอีกว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้รับข้อมูลจากสื่อว่าขณะนี้โรงแรมหลายแห่งทั้งเมืองหลักเมืองรองถูกจองเป็นจำนวนมากถึง 2 แสนกว่าห้อง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการเดินหน้าด้านการท่องเที่ยว แต่ยังไม่เพียงพอกับเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งไว้

ดังนั้น จากนี้จะต้องหาวิธี แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีการทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางโดยเฉพาะท้องถิ่นไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง โดยจะต้องทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจวงจรในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่หากจะเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศก็ต้องมีมาตรการป้องกันอย่างดีควบคู่กันไปด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook