"หมอมนูญ" เตือนอีกครั้ง โควิดรอบ 2 มาแน่ รุนแรงกว่ารอบแรกเพราะเชื้อกลายพันธุ์

"หมอมนูญ" เตือนอีกครั้ง โควิดรอบ 2 มาแน่ รุนแรงกว่ารอบแรกเพราะเชื้อกลายพันธุ์

"หมอมนูญ" เตือนอีกครั้ง โควิดรอบ 2 มาแน่ รุนแรงกว่ารอบแรกเพราะเชื้อกลายพันธุ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โควิดรอบ 2 มาแน่!! “หมอมนูญ” ย้ำการระบาดรอบที่ 2 ในประเทศไทย ชี้จะรุนแรงกว่ารอบแรก เพราะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ทำให้มีการระบาดติดต่อได้ง่าย เตือนอย่าหลงคำเยินยอของ WHO

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ถึงการแพร่ระบาดของไวรัส โควิดรอบ 2 โดยระบุว่า บทเรียนจากโรคไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบที่ 2 ประเทศเวียดนาม

ระบาดรอบแรก

วันที่ 23 มกราคม ผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 คนแรกของประเทศเวียดนาม เป็นคนจีน เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 415 คน และไม่มีคนเสียชีวิต หลังจากล็อกดาวน์ประเทศ เมื่อต้นเดือนเมษายน เป็นเวลา 15 วัน ห้ามนักเดินทาง จากต่างประเทศเข้าประเทศ และออกมาตรการต่างๆ


ประเทศเวียดนาม ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน นานถึง 99 วัน ประเทศเวียดนาม เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เปิดร้านอาหาร สถานบันเทิง บาร์ โรงแรม โรงเรียน สนับสนุนคนในประเทศ ท่องเที่ยวเดินทาง ด้วยเครื่องบินโดยสารในประเทศ

ระบาดรอบที่สอง

ประเทศเวียดนาม เผชิญการระบาดครั้งใหม่ แบบกลุ่มก้อนในชุมชน ระบาดไปหลายเมือง ไม่สามารถระบุที่มา ของการระบาดครั้งใหม่ รู้แต่ว่า เชื่อมโยงเมืองดานัง ศูนย์กลางของการระบาด วันที่ 22 กรกฎาคม เริ่มพบผู้ติดเชื้อใหม่ คนไข้คนที่ 416 ในเมืองดานัง หลังจากนั้น มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่ม 332 คน รายงานผู้เสียชีวิตคนแรกวันที่ 31 กรกฎาคม ภายใน 2 สัปดาห์ มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 10 ศพ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของเวียดนาม สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพิ่มเป็น 747 ราย

เหวึยน แถ่ง ลอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สายพันธุ์ของไวรัสที่พบในการระบาดครั้งใหม่ เป็นสายพันธุ์มาจากต่างประเทศที่แพร่ระบาดได้ง่าย ผู้ป่วยหนึ่งคนแพร่เชื้อให้กับคนอื่น 5-6 คน เมื่อเทียบกับการระบาดรอบแรก ผู้ป่วยหนึ่งคน แพร่เชื้อให้กับ 1.8 ถึง 2.2 คน และสายพันธุ์นี้รุนแรง ทำให้ป่วยหนักเร็วขึ้นกว่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า และทำให้เสียชีวิตถึง 10 รายในเวลาอันสั้น การระบาดในรอบนี้ อาจส่งผลกระทบหนักกว่าครั้งก่อนหน้า

เจ้าหน้าที่ต้องเริ่มล็อกดาวน์เมืองดานัง และอีกหลายเมืองอีกครั้งวันที่ 28 กรกฎาคม ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นเมื่อจำเป็นต้องออกมาซื้อสิ่งของ ธุรกิจที่ไม่จำเป็น ต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว งดทำกิจกรรมสาธารณะต่างๆ ตั้งแต่ 10 วันที่แล้ว

เวียดนาม มีประชากร 96 ล้านคน เคยได้รับการชื่นชมจากทั่วโลก เป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลงานการควบคุมการระบาดของโรคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ประเทศไทย ก็ได้รับการยกย่องความสำเร็จ ของการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส จากองค์การอนามัยโลก ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศติดต่อกัน 72 วัน

การระบาดรอบที่ 2 ในประเทศไทยมาแน่ และจะรุนแรงกว่ารอบแรก เพราะเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกขณะนี้เป็นเชื้อที่กลายพันธุ์ ทำให้มีการระบาดติดต่อได้ง่าย และรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้

ถ้าใครเชื่อว่า เชื้อกลายพันธุ์ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค ขอให้ดูอัตราตายจากโรคไวรัสโควิด-19 ในประเทศอิตาลี 58.19 ต่อแสนประชากร เมื่อเทียบกับประเทศจีน 0.34 ต่อแสนประชากร มากกว่ากัน 170 เท่า และประเทศที่รับเชื้อจากอิตาลี เช่นสหรัฐอเมริกา บราซิล อัตราตายจากโรคไวรัสโควิด-19 สูงกว่าประเทศจีนประมาณ 140 เท่า

เราต้องไม่หลงคำเยินยอของ “องค์การอนามัยโลก” อย่าชะล่าใจ หลังจากประสบความสําเร็จ ยิ่งเรากำลังผ่อนคลายมาตรการต่างๆเหมือนประเทศเวียดนาม เราต้องระมัดระวังมากขึ้น การ์ดห้ามตก ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เราใส่เพื่อเขา เขาใส่เพื่อเรา เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนเอามือมาแคะจมูก ขยี้ตา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook