ฟัน พัชรวาท 2เด้ง อาญา-วินัยร้ายแรง

ฟัน พัชรวาท 2เด้ง อาญา-วินัยร้ายแรง

ฟัน พัชรวาท 2เด้ง อาญา-วินัยร้ายแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มติ ป.ป.ช. ฟันอาญา สมชาย-ชวลิต ขณะที่ พัชรวาท-สุชาติ โดนทั้งอาญาและวินัยร้ายแรง ขณะที่เจ้าตัวเก็บตัวเงียบ"อยู่ที่สตช. "อภิสิทธิ์"ยังนิ่งระบุทุกอย่างต้องเป็นไปตามกม.ชี้ขอเวลาไปดูคำวินิจฉัยก่อน ทนายสมชายโวยปปช.ชี้มูลสลายม็อบข้ามขั้นตอน

(7ก.ย.) นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยหลังการประชุมป.ป.ช. ซึ่งพิจารณาสำนวนการไต่สวนคดีการสลายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากว่า ที่ประชุมมีมติให้ชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้สลายการชุมนุม

นอกจากนั้น ยังมีมติให้ชี้มูลความผิดทางอาญา และวินัยร้ายแรงในฐานความผิดเดียว กับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ในฐานะผู้บัญชาตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ แต่กลับไม่มีการสั่งให้หยุดการสลายการชุมนุม ทั้งที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเช้า

นายวิชา กล่าวว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาอีก 5 คน ระดับรองผบ.ตร.และรองผบช.น. คณะกรรมการฯ เห็นว่าไม่มีความผิด เนื่องจากเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา รายละเอียดทั้งหมดจะแถลงในเวลา 15.00 น. วันเดียวกันนี้ โดยนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช.

อภิสิทธิ์ยังนิ่งระบุทุกอย่างต้องเป็นไปตามกม.

เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าชี้แล้วก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตนจะไปดูคำวินิจฉัยก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าปฏบัติหน้าที่ไม่ได้ ก็จะมีการพิจารณาแต่งตั้งรักษาการแทน เมื่อถามว่า รักษาการแทนจะเป็นพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี ที่ปรึกษาสบ.10 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอไปดูคำวิฉัยก่อน

"พัชรวาท"เก็บตัวเงียบ"อยู่ที่สตช.

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 6 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายหลัง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรงกับ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากถือเป็นความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น

พบว่าภายหลัง ป.ป.ช.มีการแถลงข่าวดังกล่าวออกมาบรรดาข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกหน่วยงานต่างวิพากวิจารณ์ถึงการชี้มูลความผิดกันอย่างเซ็งแซ่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท นั้นยังคงเก็บตัวเงียบท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมอยู่ในห้องทำงานชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตลอดทั้งวันของวันนี้ไม่มีหมายออกไปปฏิบัติภาระกิจข้างนอกแต่อย่างใด ท่ามกลางการรอคอยของสื่อมวลชนจำนวนมากที่ถูกจำกัดพื้นที่ให้เข้าไปได้เฉพาะห้องโถงชั้นล่างของตัวอาคารเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลคอยตรวจตราบุคคลเข้าออกและขึ้นลงอาคารอย่างต่อเนื่อง จะอนุญาตได้เฉพาะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจำกัดเป็นพื้นที่หวงห้ามดังกล่าวนั้น มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ 1 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีปัญหาต่างๆเข้ามารุมเร้า พล.ต.อ.พัชรวาท ทำให้มีสีหน้าที่เคร่งเครียดตลอดเวลา หากสื่อมวลชนต้องการข่าวก็ต้องดักรอสัมภาษณ์บริเวณด้านล่างเท่านั้นช่วงเวลาที่เดินทางกลับบ้านพักประมาณ 20.00 น.ของทุกวัน หรือหากมีภารกิจข้างนอกก็จะกลับก่อนเวลาปกติ

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ระบุว่า เมื่อ ป.ป.ช. มีการชี้มูลความผิดอาญาและวินัยร้ายแรงแล้วนั้น นายตำรวจผู้ที่ถูกกล่าวหาต้องพ้นสภาพการปฏิบัติหน้าที่ในทันที แต่ตามระเบียบขั้นตอนแล้ว เมื่อมีการชี้มูลความผิดดังกล่าว ทางป.ป.ช. จะส่งหนังสือการชี้มูลความผิดไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของนายตำรวจทั้ง 2 นาย ซึ่งกรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาทนั้น จะส่งเรื่องไปยังนายกฯ ภายใน 3- 7 วันจากนั้น นายกฯจะดำเนินการลงโทษในขั้นเด็ดขาดทันทีภายใน 30 วันหลังจากได้รับหนังสือจาก ป.ปงช. คือมี 2 ทางเลือกคือ ปลดออกจากราชการ หรือไล่ออกจากราชการ ซึ่งต้องพ้นสภาพในทันที

ทนายสมชายโวยปปช.ชี้มูลสลายม็อบข้ามขั้นตอน

นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความส่วนตัวของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับมอบอำนาจจากนายสมชาย ให้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อดำเนินการตามกฏหมายกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานหลีกเลี่ยง ละเว้นการเข้าพบคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งถือเป็นกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และขอให้มีคำสั่งให้ป.ป.ช.เข้าพบคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารก่อนชี้มูลความผิดนายสมชาย และคณะจากเหตุการณ์สลายชุมนุมหน้ารัฐสภาวันที่ 7 ต.ค.

นายวัฒนา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากนายสมชายได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารเพื่อขอให้ป.ป.ช.เข้ารับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้านก่อนที่จะชี้มูลความผิด เมื่อประมาณ 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 40 (7) ว่าด้วยในคดีอาญา ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีสิทธิได้รับการสอบสวนหรือพิจารณาคดีที่ถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรม โอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ การตรวจสอบได้รับพยานหลักฐานตามสมควร

จากนั้นคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารได้นัดปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.เข้าพบในวันที่ 8 ก.ย.ที่จะถึงนี้ แต่ปรากฏว่า ป.ป.ช.กลับไม่ยอมเข้าพบและเร่งรัดชี้มูลความผิดนายสมชายและคณะมาเป็นวันที่ 7 ก.ย.ถือว่าเป็นการข้ามขั้นตอน อีกทั้งที่ผ่านมาป.ป.ช.ก็ไม่เคยเรียกนายสมชายและพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายรัฐมนตรีเข้าชี้แจง ดังนั้นคำวินิจฉัยของป.ป.ช.ในวันที่ 7 ก.ย.จึงถือว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ และเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook