เปิดใจป้า "น้องส้ม" เหยื่อ จ.ส.อ.หึงโหด เผยหลานเปลี่ยนไป แต่งตัวสวย-ใช้แต่ของแพงๆ

เปิดใจป้า "น้องส้ม" เหยื่อ จ.ส.อ.หึงโหด เผยหลานเปลี่ยนไป แต่งตัวสวย-ใช้แต่ของแพงๆ

เปิดใจป้า "น้องส้ม" เหยื่อ จ.ส.อ.หึงโหด เผยหลานเปลี่ยนไป แต่งตัวสวย-ใช้แต่ของแพงๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ป้าน้องส้ม เหยื่อจ่าทหารหึงโหด เผยว่าระยะหลังหลานสาวเปลี่ยนไป เคยพาผู้ก่อเหตุมาที่บ้าน บอกว่าเป็นหัวหน้า

สืบเนื่องจากกรณีที่ จ.ส.อ. หริณทร์ ทำงานอยู่ที่สำนักงานสัสดี อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิง นายเจษฎา หรือ แบ๊งค์ อายุ 24 ปี และ น.ส.กรรณิการ์ หรือ ส้ม อายุ 20 ปี แฟนสาวของนายเจษฎา อาการสาหัสทั้งสองคน ต่อมานายเจษฎาเสียชีวิตหลังถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน

หลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ และชุดสืบสวน สภ.โพนเขวา ติดตามจับกุม จ.ส.อ.หรินทร์มาได้ จึงแจ้งขอหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พยายามฆ่า พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ที่ จ.ส.อ. หริณทร์ให้การรับสารภาพในข้อหาพกพาอาวุธปืน ส่วนข้อหาฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่านั้น ได้ให้การปฏิเสธ ตำรวจได้นำตัวไปส่งฝากขังที่ศาลทหารจังหวัดสุรินทร์แล้ว

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.30 น. (16 ส.ค. 63) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 5 ต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ได้พบกับนางกนกวรรณ อายุ 58 ปี ป้า ของ น.ส. กรรณิการ์ หรือ ส้ม เป็นเจ้าของร้านอาหารดังกล่าวและเป็นเจ้าของหอพักด้วย เล่าว่า ตนเลี้ยง น้องส้มมาตั้งแต่ยังเล็ก ตั้งแต่ตอนที่อยู่กรุงเทพ พอตนย้ายกลับมาอยู่ศรีสะเกษก็รับเขามาอยู่ด้วย เพราะพ่อกับแม่เขาแยกทางกันตนได้เลี้ยงดูเขาคู่กับลูกชายจนโตมาด้วยกัน ตอนนั้นน้องส้มมีนิสัยห้าวๆ เหมือนผู้ชาย ตัดผมสั้น ลักษณะเป็นทอมบอย มาอยู่ศรีสะเกษตนก็ปลูกบ้านที่กลางสวนให้เขาอยู่ 1 หลัง แล้วเข้าเรียน ม.4 ยังไม่มีแฟน

ตอนหลังเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นผู้หญิงเต็มตัว ไว้ผมยาว มาคบกับน้องแบ๊งค์ตอนเรียนอยู่ ม.6 คบกันมาได้นานเป็นปีก็มาบอกตนว่าจะไปอยู่หอพักกับเพื่อน แต่จริงๆ แล้วก็ไปอยู่กับน้องแบ๊งค์จนญาติของตนมาถามว่ารู้ไหมน้องส้มอยู่ที่ไหน ตนก็ตอบว่าไม่รู้ เขาบอกว่าไปอยู่กับน้องแบ๊งค์ที่บ้าน ก็พอดีพ่อของน้องแบ๊งค์ก็มาบอกตนว่า น้องส้มไปอยู่กับน้องแบ๊งค์ที่บ้านนะ ตนก็รู้จักน้องแบ๊งค์อยู่ รู้ว่าเป็นคนนิสัยดีไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ จึงไม่ว่าอะไร

นางกนกวรรณ กล่าวต่อไปว่า ตอนหลังนี้ตนสังเกตเห็นน้องส้มเปลี่ยนไป เขาเป็นคนสวยอยู่แล้ว ยิ่งมาแต่งตัวยิ่งสวยมากขึ้น แต่งหน้าทำสีผมใช้ของแบรนด์เนม มีโทรศัพท์ยี่ห้อดังราคาหลายหมื่นบาทใช้ มาหาตนซึ่งก็สังเกตหลานอยู่แต่ไม่กล้าถาม คิดเอาเองว่า พ่อแม่เขาซื้อให้มั้ง เพราะลำพังตัวส้มเองไม่มีเงินซื้อหรอกของแพงอย่างนั้น ระยะหลังน้องส้มไม่ค่อยจะมาหาป้า จนแม่ของน้องแบ๊งค์มาหาตนมาถามว่าทำไมไม่ชวนน้องส้มมาช่วยขายของ ตนก็บอกว่าส้มไม่ชอบหรอกงานบริการอย่างนี้ แม่น้องแบ๊งค์ก็บอกว่าเดี๋ยวนี้น้องส้มไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้วนะ ตนถามว่าไปอยู่ไหนบอกว่าไปอยู่หอพัก ตนจึงโทรถามน้องส้มว่าไม่ได้อยู่บ้านแบ๊งค์แล้วเหรอส้มก็บอกว่าส้มไปๆ มาๆ เมื่อวันแม่ที่ผ่านมาก็นำมาลัยมาไหวป้า มากับน้องแบ๊งค์ เขาถือว่าป้าเป็นแม่คนที่สอง ทั้งสองคนไม่เคยเล่าอะไรให้ป้าฟังไม่เคยเล่าว่ามีปัญหาอะไร

“ส้มเคยพาผู้ชายคนนี้มาที่ร้าน ตนเห็นแล้วรู้สึกไม่โอเคเลย มาไม่มีความเคารพไม่มีการไหว้ ไม่สวัสดี แล้วมีดื่มเหล้าด้วย นำเหล้ามาดื่มที่ร้าน ตนก็บอกน้องส้มว่า ป้าไม่โอเคนะ น้องส้มก็บอกว่าเขาเป็นหัวหน้างานและเขาก็มีลูกมีเมียแล้ว ซึ่งเราเป็นผู้ใหญ่แล้วเราดูออก ผู้หญิงกับผู้ชายไปไหนมาไหนด้วยกันไปในฐานะอย่างไร เป็นอะไรกัน เราดูออก แต่ตนก็ไม่รู้จะว่ากล่าวกับหลานอย่างไร จึงต้องปล่อย” 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook