“ไบร์ท-วิน” ความสำเร็จที่เกินฝัน และที่พึ่งยามเครียดที่เรียกว่าครอบครัว
รายการ THE SOUND OF HAPPINESS ฟัง x เล่า = ความสุข วาไรตี้ทอล์คและพอดแคสต์เรื่องราวสุขภาพจิตที่สนุกและเข้าใจง่าย สัปดาห์นี้จะพาไปพบกับเรื่องราวชีวิตของ 2 นักแสดงวัยรุ่นที่มาแรงที่สุดใน พ.ศ .นี้ ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี และ วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร จาก จีเอ็มเอ็มทีวี ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ อย่างล้นหลาม ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทยและติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง มาติดตามฟังเรื่องราวชีวิตของพวกเขาว่ากว่าจะถึงวันนี้ เขาทั้งคู่ต้องเจอกับเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์หนักหนาสาหัสขนาดไหน ฝ่าฟันอะไรมาบ้างกว่าจะเป็นไอดอลขวัญใจแฟนๆ
“ไบร์ท วชิรวิชญ์” เผยว่า “ผมเข้าวงการด้วยการเป็นพิธีกรรายการวัยรุ่นรายการหนึ่ง ตอนนั้นทำเพราะรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีและทำให้เรามีรายได้ ตอนนั้นเหมือนเรายังเด็กยังไม่ค่อยเข้าใจการทำงานสักเท่าไหร่ ถือเป็นช่วงเรียนรู้งานจริงๆ หลายครั้งไม่อยากทำงานเพราะรู้สึกไม่มีความสุข พอทำไปเรื่อยๆ ก็พยายามปรับความคิดเปลี่ยนมุมมองตัวเอง หาความสุขให้กับสิ่งที่ทำ จากนั้นเริ่มรู้สึกว่าโอเคและมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น จนมาถึงตอนนี้ที่มีคนรู้จักผมเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ เลย สิ่งที่เข้ามาพร้อมๆ กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือฟีดแบคทั้งบวกและลบ มีทั้งคำชมและคำติ ปฎิเสธไม่ได้ว่าหลายครั้งยิ่งพอได้อ่าน ได้รับรู้เยอะๆ ทำให้ผมเครียดมากเลยครับ เครียดจนถึงจุดหนึ่งก็เลยตัดสินใจลองวางความรู้สึกนั้นลง แล้วดึงตัวเองออกมา มาอยู่กับคนรอบข้างที่รักเรา ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว, เพื่อน, เพื่อนร่วมงาน, พี่ๆ ที่บริษัท ฯลฯ เขาเคยรักเรายังไงก็ยังรักเราอยู่และเข้าใจเราเสมอ เลยทำให้รู้สึกดีขึ้นและผ่านจุดนั้นมาได้ ผมบอกตัวเองว่าคนเราผิดพลาดได้ แต่เราต้องให้อภัยตัวเองให้เป็น เรียนรู้ว่าสิ่งที่เราทำมันผิดยังไงและไม่ทำซ้ำอีก แค่นี้ก็จะทำให้เราเก่งขึ้นทุกวัน อะไรผิดก็อุด ทำไปเรื่อยๆ เราจะเป็นคนที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมโชคดีที่มีครอบครัว คนรอบข้าง และแฟนๆ ที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจ ผมรับรู้ได้มาตลอดและต้องขอบคุณพวกเขามากจริงๆ ครับ”
“วิน เมธวิน” เผยว่า “ตั้งแต่เด็กวินจะเป็นคนที่อยู่ในกรอบของที่บ้านมาตลอด มันเหมือนเราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่วางให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิต มีบ้างที่สิ่งที่เราอยากทำต่างจากคำแนะนำของคุณพ่อคุณแม่ อย่างตอนเด็กๆ วินอยากเป็นสถาปนิก แต่ที่บ้านอยากให้เรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะอยากให้สานต่อธุรกิจของครอบครัว สุดท้ายผมก็เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์นะครับ มีความรู้สึกขัดแย้งในใจอยู่บ้าง แต่ด้วยเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาทำให้เราเห็นภาพจริงๆ ครอบครัวไม่เคยบังคับแต่เราคุยกันด้วยเหตุและผลตลอด ซึ่งทุกครั้งก็ทำให้ผมเข้าใจและยอมรับ วินเข้าวงการมาผลงานแรก คือ ซีรีส์เพราะเราคู่กัน ได้มาเจอพี่ไบร์ท เขาเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก วินได้ซึมซับตรงนี้มาจากเขา และคิดว่าเราก็ต้องตั้งใจและทำให้ดีที่สุด ยอมรับว่าชีวิตพลิกไปเลย จากที่ไม่มีใครรู้จักตอนนี้คนรู้จักเยอะขึ้นมากๆ ทำให้การที่จะทำอะไรพูดอะไรต้องผ่านกระบวนการความคิดมากขึ้น คอมเม้นท์ด้านดีก็เก็บมาเป็นกำลังใจ คอมเม้นท์ด้านลบที่มีประโยชน์ก็นำมาปรับปรุงตัวเราให้เป็นคนที่ดีขึ้น โชคดีที่วินมีครอบครัวคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจอยู่ตลอด ครอบครัวสำคัญมากสำหรับตัวผม ไม่ว่าจะเจออะไรมาคนที่อยู่ข้างๆ คือครอบครัว สำหรับใครที่มีความเครียดหรือกำลังมีปัญหา อยากให้ลองปรึกษาครอบครัว คนที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดดูนะครับ”
ติดตามชมรายการวาไรตี้ทอล์คเรื่องราวของ “ไบร์ท” และ “วิน” ในอีกแง่มุมที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน และอะไรที่ทำให้ คุณหมอวิ-แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นจากกรมสุขภาพจิต ถึงกับเอ่ยปากชมว่า ทั้งสองหนุ่มเป็นคนที่มีวิธีการจัดการตัวเองได้ดีมากๆ ได้ในรายการ THE SOUND OF HAPPINESS ฟัง x เล่า = ความสุข ในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคมนี้ เวลา 19.30 น. นี้ และติดตามชมรายการย้อนหลัง พร้อมฟังพอดแคสต์ได้ทุกวันเสาร์เวลา 10.00 น. ทาง JOOX เท่านั้น
TheSoundofHappiness #UNICEFThailand #กรมสุขภาพจิต #JOOX
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ