คืนแห่งความหลอน! หนุ่มหลงป่าเล่าเรื่องขนลุก คนยืนอยู่ใกล้ๆ แต่มองไม่เห็น-เรียกไม่ได้ยิน

คืนแห่งความหลอน! หนุ่มหลงป่าเล่าเรื่องขนลุก คนยืนอยู่ใกล้ๆ แต่มองไม่เห็น-เรียกไม่ได้ยิน

คืนแห่งความหลอน! หนุ่มหลงป่าเล่าเรื่องขนลุก คนยืนอยู่ใกล้ๆ แต่มองไม่เห็น-เรียกไม่ได้ยิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สตอรี่ยิ่งกว่าหนังผี! หนุ่มหลงป่าเห็นเพื่อนยืนห่างไม่กี่เมตรแต่มองไม่เห็นกัน หมอดูเผยเจ้าที่โกรธที่ฉี่รด

(18 ส.ค.63) จากกรณี นายสุริยะ กองหาโคตร อายุ 38 ปี ชาวบ้าน หมู่ 10  บ้านเกาะบรเพ็ด ต.บึงกระจับ จ.เพชรบูรณ์ มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ที่ออกจากบ้านพร้อมรถจักรยานยนต์ แล้วหลงป่า ตังแต่ช่วงเย็นของวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา จนชาวบ้านราว 50 คน ต้องรวมตัวกันออกตามหาตัวตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 17 สิงหาคม ไปจนถึงกลางดึก ก็ยังไม่พบตัว โดยหมอดูได้บอกว่า คนที่หายตัวไปได้ฉี่รดหัวเจ้าที่ ทำให้เจ้าที่โกรธ จึงให้บริวารกักตัวเอาไว้ โดยบังตาไม่ให้ใครเห็น ต้องไปจุดธูปเพื่อบอกกล่าวขอขมาลาโทษ  แล้วเขาถึงจะปล่อยตัวมา 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริเวณป่า หมู่ที่ 1 บ้านเกาะบรเพ็ด ต.บึงกระจับ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่เป็น ไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด ไร่มันสำปะหลัง และป่าโคก ล่าสุด เวลาประมาณ 02.30 น. นายสุริยะ กองหาโคตร ได้เดินเท้าเปล่ากลับมาถึงบ้านโดยปลอดภัยแล้ว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับนายสุริยะ ที่บ้าน พร้อมขอให้พาไปดูพื้นที่ๆ เกิดหลงป่า พบว่าพื้นที่ที่หลงเป็นไร่มันสำปะหลังของตนเอง มีเนื้อที่ราว 6 ไร่ เท่านั้น 

จากการสอบถามนายสุริยะ กองหาโคตร ผู้ที่เกิดหลงป่า เล่าว่า ตนเองได้ขับรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ จากนั้นก็เดินหาเห็ดปลวก หรือเห็ดโคน ตามพื้นที่ ๆ  เคยหาไปหาเป็นประจำตั้งแต่ เด็ก ๆ เพื่อจะนำมาขาย  เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เห็ดออกดอก ระหว่างที่กำลังหาเห็ด อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่ามีอะไรมาดลใจให้ตนเองต้องทิ้งโทรศัพท์ ทิ้งกุญแจรถ ทิ้งย่ามใส่เห็ด และทิ้งรองเท้า แล้วก็มีความรู้สึกเหมือนไม่อยากจะกลับบ้าน จนกระทั่งเช้า และสาย โดยตอนนั้นตนเอง จำได้ว่านอนอยู่ในไร่มันสำปะหลังของตนเอง ซึ่งมีเนื้อที่ราว 6 ไร่ พอคิดว่าจะกลับบ้านเพราะเป็นห่วงลูกชาย จึงพยายามจะเดินอออกมาจากจุดนั้น แต่ก็กลับวนไปที่จุดเดิม พยายามจะคลานออกมา ก็ยังกลับไปที่จุดเดิมอีก เป็นอย่างนี้จนตนเองหมดเรี่ยวแรง

ขณะนั้น มีเพื่อนบ้านที่รู้จักกันซึ่งพากันออกตามหาตน โดยที่ตนเองมองเห็นว่าเขาเดินห่างจากตนเองเพียง 3 เมตรเศษๆ แต่เขากลับไม่เห็นเรา ส่วนตนพยายามจะตะโกนเรียก ทางฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ยิน ที่แปลกคือตนเองไม่ได้ยินเสียงของชาวบ้าน และชาวบ้านก็ไม่ได้ยินเสียงของตนเอง เป็นอย่างนี้นานราว ชั่วโมงเศษ กลุ่มชาวบ้านที่ออกตามหาตัวก็พากันกลับไป พอตกช่วงบ่าย ตนเองกลับเดินออกมาตามทางได้จนมาถึงถนนลาดยาง ซึ่งชาวบ้านเรียกสถานที่นี้ว่าป่าช้าเก่า แต่ตนกลับมองเห็นเด็กผู้หญิงสูงราว 1 เมตร ผิวสีดำสนิท สวมเสื้อผ้าสีดำ ยืนดักอยู่บนถนน ตอนนั้นก็มีคนรู้จักขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา แต่เขากลับมองไม่เห็นเรา และเหมือนมีอะไรดลใจให้ตนเองต้องเดินลัดไร่ข้าวโพด เพื่อย้อนกลับทางเดิม แทนที่จะเดินกลับบ้าน

จนสุดท้ายพอค่ำ ตนก็มองเห็นแสงไฟที่ชาวบ้านพากันออกตามหา แต่กลับมีอาการเหมือนเดิมคือไม่มีแรงขึ้นมาเฉย ๆ ตะโกนก็ไม่ได้ จึงได้แค่มองดูแสงไฟฉายที่ชาวบ้านสาดส่องไปมา ทั้งที่อยู่ห่างไม่มาก แต่ชาวบ้านก็หาตนเองไม่เจอ กระทั่งช่วงดึก ตนเองเกิดความคิดถึงลูกอย่างรุนแรง จึงนึกในใจว่าตนอยากกลับบ้าน เป็นห่วงลูก คิดถึงลูก อยู่ๆ ก็มีลมพัดกรรโชก จากนั้นก็มองเห็นแสงไฟสามดวง ตนจึงเดินตามดวงไฟออก มากระทั่งสามารถ กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ส่วนพื้นที่ป่าที่ตนไปหาเห็ดนั้น เป็นพื้นที่หากินของตนเองมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าหลับตาเดินก็ยังได้เลย เมื่อถามว่าได้ไปฉี่จอมปลวก ตามที่หมอดูทักหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า คืนนั้นตนเอง ฉี่ไปหลายรอบ ไม่รู้ว่าได้ฉี่รดจอมปลวกหรือไม่ เพราะเป็นช่วงกลางคืนจึงไม่ได้สังเกต

ด้าน นางอนงค์ เจษมาลา อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน เล่าว่า ตนเองเป็นคนไปดูหมอดู โดยไปกับแม่ และน้า ของนายสุริยะ ตนเองได้สอบถามนายสุริยะ ทำให้ทราบว่า ตัวนายสุริยะ หลงอยู่ในป่าข้าวโพด ป่ามันสำปะหลัง ที่ชาวบ้านออกตามหานั่นแหละ แต่มองไม่เห็นกัน เห็นแต่ร่องรอยการคลานไปมาในพื้นที่ ส่วนตัวเชื่อว่ามาจากสาเหตุที่นายสุริยะ ไปฉี่รดหัวเจ้าที่ ในพื้นที่ป่าช้าเก่า ตามที่หมอดูทักมา ทำให้เจ้าที่โกรธ ทางบริวารเจ้าที่จึงลงโทษ ให้หาทางกลับบ้านไม่ได้ โดยทางหมอดูได้บอกว่า ให้ไปจุดธูป 9 ดอก เพื่อบอกเจ้าที่พระพรหม และ ธูป 1 ดอก เพื่อบอกเจ้าที่ ซึ่งหลังจุดธูปบอกกล่าวได้ไม่นาน นายสุริยะ ก็หาทางกลับบ้านได้เอง  

ขณะที่ นางทองมา กองหาโคตร อายุ 62 ปี แม่คนหาย กล่าวว่า ลูกชายเล่าให้ฟังหลายอย่าง แต่เท่าที่ตนจำได้ คือลูกชายบอกว่าลูกชายกลับบ้านไม่ถูก เดินวนไปมาตามที่เหมือนมีคนดลใจ ลูกชายยังเผยว่า ความรู้สึกตอนนั้นอยากจะไปอย่างเดียวไม่อยากให้กลับบ้าน ส่วนตัว มีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเตรียมที่จะทำพิธีขอขมา โดยจะเตรียมเหล้าขวด ไก่ตัว เพื่อไปทำพิธีขอขมา นางทองมา กล่าว  

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook