กักตัวในโรงแรมล้มเหลว ทำโควิด-19 ระบาดหนักในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย

กักตัวในโรงแรมล้มเหลว ทำโควิด-19 ระบาดหนักในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย

กักตัวในโรงแรมล้มเหลว ทำโควิด-19 ระบาดหนักในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ซิดนีย์, 18 ส.ค. (ซินหัว) — มีการสืบสวนจนพบว่าการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย แทบทั้งหมดเกิดจากแผนการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไว้ที่โรงแรม

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน โรคโควิด-19 เริ่มกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งในรัฐวิกตอเรีย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงสุดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. อยู่ที่ 725 ราย ทำให้มีการปิดเมืองอย่างเข้มงวดอีกครั้ง รวมถึงประกาศเคอร์ฟิวช่วงกลางคืนในเมลเบิร์นซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐ

เมื่อวันจันทร์ (17 ส.ค.) เบน โฮว์เดน นักจุลชีววิทยาทางการแพทย์และแพทย์ด้านโรคติดเชื้อกล่าวระหว่างการสืบสวนแผนกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศในโรงแรมว่า ข้อมูลลำดับจีโนมเผยว่าร้อยละ 99 ของผู้ป่วยในรัฐวิกตอเรียช่วงปลายเดือนกรกฎาคมสามารถสืบย้อนกลับไปถึงผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศได้

แม้ว่าโฮว์เดนจะไม่ได้ระบุว่าเป็นโครงการกักตัวที่โรงแรมใดหรือระบุถึงผู้ที่ถูกกักตัวอยู่ที่นั่นโดยตรง แต่เป็นที่ทราบกันรัฐบาลออสเตรเลียดำเนินนโยบายระดับประเทศที่กำหนดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทุกคนต้องกักตัวที่โรงแรมมาตั้งแต่เดือนมีนาคม

ขณะที่ยอดผู้ป่วยรายวันในรัฐวิกตอเรียลดต่ำลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายฝ่ายต่างหันเหความสนใจไปที่ความล้มเหลวของระบบการกักตัวที่โรงแรม โดยมีการกล่าวหาว่าการดำเนินการที่ด้อยประสิทธิภาพเป็นสาเหตุให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดในชุมชน

มีหลักฐานชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดหลายจุดในมาตรการขั้นพื้นฐานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีอุปกรณ์หรือความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

ลินด์เซย์ เกรย์สัน ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาและโรคติดต่อกล่าวระหว่างการสอบสวนว่าโครงการฝึกอบรมออนไลน์สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “มีความสับสน” และ “ชวนให้เข้าใจผิด”

“การฝึกอบรมส่วนมากเหมือนหลักสูตรอบรมสำหรับประชาชนทั่วไปมากกว่าการอบรมกลุ่มคนที่จะติดต่อหรือรับผิดชอบด้านการควบคุมดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยตรง” เกรย์สันกล่าว

โทนี นีล เนติบัณฑิตอาวุโสผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายความแห่งพระองค์ (Queen’s Counsel) ระบุว่าโครงการกักตัวที่โรงแรมของรัฐวิกตอเรีย “ไม่บรรลุเป้าหมาย” ด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชน นีลกล่าวเสริมว่าการสืบสวนจะตัดสินว่าใครคือคนที่รับผิดชอบควบคุมดูแลโครงการดังกล่าวและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook