สาธารณสุขแจง ผู้ป่วยโควิด 2 รายล่าสุด คนหนึ่งเจอแค่ซากเชื้อ อีกคนผลบวกอ่อนๆ
กระทรวงสาธารณสุขแถลงความคืบหน้ากรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นหญิงไทย 2 คน รายหนึ่งที่ตรวจพบเป็นซากเชื้อ ไม่น่ากังวล อีกรายเป็นผลติดเชื้อแบบอ่อนๆ ปัจจุบันผลตรวจไม่พบเชื้อแล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนโรคผู้สัมผัสใกล้ชิด
วันนี้ (20 ส.ค.) เวลาประมาณ 18.00 น. ที่ผ่านมา นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.รพ.รามาธิบดี และผู้แทนคณะแพทย์รามาธิบดี พญ.วลัยลักษณ์ ไชยฟู ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พร้อมด้วยตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ กรณีพบหญิงไทยติดเชื้อโควิด-19 ณ ห้องประชุมชั้น 1 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ หลังจากเมื่อวานนี้มีการเปิดเผยว่าพบหญิงไทย 2 คน ติดเชื้อโควิด-19 โดยรายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 34 ปี เดินทางกลับมาจากสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ไม่มีอาการใดๆ เข้ารับการกักตัวในสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ ครบ 14 วัน ในระหว่างการกักตัว มีการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ตรวจพบสารพันธุกรรมโควิด-19 ในปริมาณน้อย และทำการตรวจซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ไม่พบเชื้อ เมื่อกักตัวครบ 14 วัน จึงได้รับอนุญาตให้กลับภูมิลำเนาที่ จ.ชัยภูมิ และแนะนำให้พักแยกตัวให้ครบกำหนด 30 วัน ตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
จากนั้นในวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา หญิงวัย 34 ปี รายนี้ เตรียมตัวที่จะเดินทางไปต่างประเทศ จึงมาตรวจสุขภาพและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจเมื่อวันที่ 18 ส.ค. พบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย และรายนี้พบว่ามีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว แพทย์จึงรับไว้ดูแลใน รพ.รามาธิบดี สรุปว่าผู้ติดเชื้อรายนี้คือ ผู้ติดเชื้อรายเดิมที่มีการพบซากเชื้อ ไม่สามารถแพร่ระบาดไปยังผู้อื่นได้
- รพ.รามาฯ พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ กักตัวครบ 14 วันแล้ว ก่อนออกมาใช้ชีวิตปกติ
- กรมควบคุมโรค แถลงด่วน! กรณีพบหญิงไทย 2 ราย ติดเชื้อโควิด-19 หลังกักตัว 14 วัน
ขณะที่หญิงอีกคนหนึ่ง อายุ 35 ปี หลังจากเดินทางกลับมาจากไปทำงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาถึงไทยแล้วเข้าพักอยู่ใน State Quarantine ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม ไม่พบว่ามีการติดเชื้อ หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านที่ จ.เลย แล้วกลับมากรุงเทพเพื่อมาตรวจสุขภาพในวันที่ 18 สิงหาคม ก่อนจะเดินทางกลับไปทำงานที่ต่างประเทศอีกครั้ง ซึ่งผลตรวจพบว่ามีเชื้ออ่อนๆ ก่อนที่จะทำการตรวจซ้ำอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่พบเชื้อ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หญิงรายดังกล่าวไม่นับว่าเป็นผู้ป่วย เรียกว่าเป็น "ผู้เคยป่วย" โดยมีความเป็นไปได้ว่าหญิงรายดังกล่าวอาจจะมีการติดเชื้อจากในอดีตประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยนับถอยหลังตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม ที่มีการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
นอกจากนี้ เมื่อการตรวจเลือดพบภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 จึงต้องมีการดำเนินการกระบวนการสอบสวนโรค ตามขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ ซึ่งในเบื้องต้นมีจำนวนผู้ที่อยู่ในข่ายจะต้องติดตามสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งสิ้น 24 ราย ได้แก่ พ่อ แม่ และเพื่อนที่อยู่ร่วมบ้าน 2 คน รวมทั้งเพื่อนอีก 6 คนที่มีการสัมผัสใกล้ชิดเมื่อหญิงรายดังกล่าวไปเยี่ยมเพื่อนคลอดลูกที่โรงพยาบาลปากชม รวมทั้งคนขับแท็กซี่ที่โดยสารขณะที่เดินทางไปที่โรงพยาบาลรามาฯ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวคนขับแท็กซี่รายดังกล่าวเพื่อตรวจหาเชื้อต่อไป
ทั้งนี้ ทีมแพทย์ย้ำว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดสถานที่ต่างๆ ที่หญิงรายนี้เคยเดินทางไป รวมทั้งโรงเรียนหรือร้านอาหารในจังหวัดเลย สามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ แต่ทุกคนควรที่จะต้องเน้นย้ำให้รักษาสุขอนามัยเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา โดยขณะเดียวกันทางทีมแพทย์ผู้สอบสวนโรคก็จะดำเนินการติดตามไทม์ไลน์ของหญิงรายนี้ และนำผู้ที่สัมผัสมารับการตรวจหาเชื้อต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีพบหญิงไทยติดเชื้อโควิด-19 หลังกักตัวครบ 14 วัน ว่า สำนักอนามัย กทม. ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานเขต กองระบาดวิทยา และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ของกรมควบคุมโรค ในการค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ราย และดำเนินการนำเข้าสถานที่กักกันเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกโดยลงพื้นที่คัดกรองกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเก็บสิ่งส่งตรวจ รวมถึงค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เพื่อคัดกรองผู้มีอาการผิดปกติร่วมด้วย