รวบหนุ่มรับจ้างขนยาล็อตใหญ่ มูลค่าร่วมร้อยล้าน ถูกจับเพราะตำรวจจำหน้าได้

วันนี้ 25 ส.ค.63 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงกาญจนบุรี แถลงข่าวจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี 

โดยการจับกุม สืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ วันที่ 24 ส.ค.63 ขณะที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 และฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มีรถบรรทุกกึ่งพ่วง 12 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ขับมาตามถนนสายสังขละบุรี-ทองผาภูมิ เข้ามายังด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำด่านจึงเรียกตรวจสอบ และได้คุยกับคนขับรถบรรทุก

เจ้าหน้าที่เอะใจ พินิจหน้าคนขับรถอีกครั้ง จนจำได้ว่า ชายที่ขับรถบรรทุกคนนี้ ก่อนหน้านี้ได้ขับรถเก๋ง ทะเบียน ราชบุรี ผ่านด่าน มุ่งหน้าขึ้นไปที่อำเภอสังขละบุรี แต่ทำไม ขากลับขับรถบรรทุก ตำรวจและเจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นรถบรรทุกอย่างละเอียด จนพบว่า รถบรรทุกมีการดัดแปลงพื้นกระบะให้กลายเป็นช่องเก็บของลับ ภายในซุกซ่อนยาเสพติด ซึ่งบรรจุในห่อชาอย่างดีจำนวนมาก

เมื่อนำยาเสพติดออกมาตรวจสอบและ นับ พบว่า ยาเสพติดที่ซุกอยู่นั้น มีทั้ง ยาไอซ์จำนวน 1,385 ห่อ น้ำหนักรวม 1,385 กิโลกรัม เฮโรอีน 10 ห่อ น้ำหนักรวม 77 กิโลกรัม เคตามีนจำนวน 500 ห่อ น้ำหนัก 500 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายศักดิ์ชัย อายุ 59 ปี มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ

จากการสอบสวน นายศักดิ์ชัย ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างให้ขับรถเก๋งขึ้นมาพักค้างคืนที่รีสอร์ทในพื้นที่ด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี เพื่อรอที่จะขับรถบรรทุกกึ่งพ่วง 12 ล้อคันดังกล่าวออกจากด่านเจดีย์สามองค์ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครปฐม
เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้า โดยได้รับการว่าจ้างมาในราคาเที่ยวละ 150,000 บาท

ตำรวจได้ดำเนินคดีกับ นายศักดิ์ชัย ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์และเฮโรอีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 เคตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
และจะขยายผลเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการรวมถึงผู้ว่าจ้างมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การจับกุมยาเสพติดครั้งนี้ เป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ไม่เคยมีการตรวจยึดยาเสพติดได้มากเท่านี้มาก่อน มูลค่าของยาเสพติดทั้งหมดคาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 1.6 ร้อยล้านบาท