เปิดโปงต้นตอโควิด-19 ระบาดใหม่อีกครั้งในเกาหลีใต้ จนทุบสถิติใหม่สูงสุด

เปิดโปงต้นตอโควิด-19 ระบาดใหม่อีกครั้งในเกาหลีใต้ จนทุบสถิติใหม่สูงสุด

เปิดโปงต้นตอโควิด-19 ระบาดใหม่อีกครั้งในเกาหลีใต้ จนทุบสถิติใหม่สูงสุด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โซล, 27 ส.ค. (ซินหัว) — เกาหลีใต้ ประเทศที่เคยได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างในการรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะนี้กลับมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกครั้ง เนื่องจากความไม่ไว้วางใจและการได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับมาตรการกักโรคของรัฐบาลในหมู่สมาชิกอนุรักษ์นิยมของคริสตจักรแห่งหนึ่งในกรุงโซล

ณ เวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี (27 ส.ค.) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KCDC) ระบุพบผู้ติดโรคโควิด-19 ยืนยันผล 441 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กลายเป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม และดันยอดสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 18,706 ราย

ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเป็นสามหลักตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. ซึ่งแม้จะเป็นสถิติที่ต่ำกว่าหลายพื้นที่ในโลก ทว่าความวิตกกังวลที่จะเกิดการระบาดระลอก 2 นั้นมีมากกว่าที่เคย เนื่องจากความเข้าใจผิดของผู้นมัสการที่ขัดขวางความพยายามในการกักโรคของรัฐบาล

การหลบหนีจากโรงพยาบาล

ชายชาวเกาหลีใต้คนหนึ่งที่ติดเชื้อไวรัสได้แอบหนีออกไปจากโรงพยาบาลในจังหวัดคยองกี ระหว่างเข้ารับการรักษา ประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 18 ส.ค. และเดินทางโดยรถประจำทางไปยังกรุงโซล

รายงานระบุว่าชายคนนี้เป็นผู้ได้รับผลทดสอบโรคโควิด-19 เป็นบวกรายแรกที่หนีออกจากโรงพยาบาล ทั้งยังปิดโทรศัพท์เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจติดตามตัว

ผู้ป่วยรายนี้ถูกจับได้ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 19 ส.ค. ที่ร้านกาแฟที่มีผู้คนพลุกพล่านในกรุงโซล ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะแพร่เชื้อไวรัสให้กับคนประมาณ 40 คน

เขาได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสหลังจากเข้าร่วมนมัสการที่โบสถ์ซารางเจอิลในกรุงโซล ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของการเกิดผู้ติดเชื้อใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งยังแพร่เชื้อไปยังครอบครัวของเขาด้วย

นอกจากนี้ยังมี หญิงชาวเกาหลีใต้ช่วงวัย 40 ปีที่ตรวจพบการติดเชื้อไวรัสนี้เป็นบวก ก่อนจะกัดแขนสามีและหลบหนีไปในช่วงเที่ยงของวันที่ 17 ส.ค. เธอปฏิเสธที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

หญิงคนดังกล่าวถูกจับได้ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อมาที่สวนสาธารณะใกล้เคียง โดยก่อนหน้านั้น เธอซึ่งเป็นพลเมืองจังหวัด คย็องซังเหนือ ได้เข้าพักอยู่ในโบสถ์ที่กรุงโซลตั้งแต่เดือนมีนาคม

พฤติกรรมที่อธิบายไม่ได้ของพวกเขามาจากความไม่ไว้วางใจและการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับรัฐบาล พวกเขาเชื่อว่ารัฐบาลจงใจทำให้สมาชิกคริสตจักรที่ไม่ติดเชื้อมีผลทดสอบออกมาเป็นบวกเพื่อทำลายโบสถ์ที่นำโดย จุนควางฮูน บาทหลวงขวาจัด

“ผมคิดว่า (รัฐบาล) ตราหน้าคนกลุ่มนั้น (สมาชิกคริสตจักร) ที่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาหรือปอดบวมว่าติดโควิด-19 เราไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้เพราะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ป่วย พวกเขา (รัฐบาล) มีเจตนาที่จะสร้างความเสียหายให้กับ ศิษยาภิบาล” ผู้ประกาศข่าวท้องถิ่นเอ็มบีซีรายงานคำพูดของสมาชิกคริสตจักรคนหนึ่ง

“ไวรัสก่อการร้าย” จากภายนอก

การได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจนก่อเกิดความไม่ไว้วางใจในหมู่ผู้บูชาศาสนามีต้นตอมาจาก จุน ชายผู้ได้รับผลทดสอบเป็นบวกและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งกล่าวอ้างว่าตัวเขาเองได้ล่วงรู้ความลับ 5 ประการเกี่ยวกับ “การใช้ไวรัสก่อการร้าย” จากภายนอกสู่โบสถ์ซารางเจอิล

จุนเข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งมีคนมาร่วมจำนวนมหาศาลใกล้จัตุรัสควางฮวามุน ณ ใจกลางกรุงโซล เขายังอ้างว่าตราบใดที่ทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย ก็จะไม่มีการติดเชื้อเกิดขึ้นในสถานที่กลางแจ้ง พร้อมกระตุ้นให้สมาชิกคริสตจักรและกลุ่มอนุรักษ์นิยมเข้าร่วมการชุมนุม

สื่อโทรทัศน์ถ่ายทอดคลิปของผู้ประท้วงหลายหมื่นคนรวมตัวกันที่จัตุรัส บ้างยืนบ้างนั่งเคียงข้างกัน พวกเขาส่วนใหญ่สวมหน้ากาก แต่บางคนก็ถอดหน้ากากออกมา ทั้งยังมีบางส่วนถึงกับกินอาหารระหว่างการชุมนุม

ณ วันพุธ ยอดสะสมผู้ป่วยยืนยันผลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมในวันที่ 15 ส.ค. แตะที่ 193 ราย โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในเขตมหานครโซล ทั้งยังมีมากกว่า 30 รายที่พบในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ในจัตุรัสวันนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายระหว่างการชุมนุม

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ออกมาเตือนก่อนการชุมนุมให้ระวังอันตรายจากการระบาดใหม่อีกครั้ง แต่ผู้จัดงานกลับเพิกเฉยคำเตือนดังกล่าว หนังสือพิมพ์อนุรักษ์นิยมรายใหญ่ยังประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่ขับเคลื่อนโดยนักการเมือง กลุ่มพลเมือง และสมาชิกคริสตจักรอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศ เพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณชนด้วย

ยอดสะสมผู้ติดเชื้อที่ตรวจสอบย้อนกลับไปยังโบสถ์ซารางเจอิลได้นั้นอยู่ที่ 915 ราย ณ วันพุธ โดยผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการยืนยันจากคริสตจักรถูกพบเมื่อวันที่ 12 ส.ค. และนับแต่นั้นมา ตัวเลขก็เพิ่มขึ้นเป็นสองหลัก

เกาหลีใต้ถูกมองว่าเป็นต้นแบบสำหรับการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากระบบการทดสอบที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การติดตามผู้มีประวัติติดต่อกับผู้ติดเชื้ออย่างกว้างขวาง ความโปร่งใสและความไว้วางใจของประชาชนในความพยายามกักโรคของรัฐบาล และความช่วยเหลือจากระบบที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงเหลือเพียง 2 รายในวันที่ 6 พ.ค. หลังทะยานสู่จุดสูงสุดที่ 909 รายในวันที่ 29 ก.พ.

อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวดูเหมือนจะไม่สามารถใช้การได้แล้ว จองอึนคยอง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลีกล่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันอาทิตย์ (21 ส.ค.) ว่าการกลับมาระบาดใหม่ในปัจจุบัน “ยังไม่ถึงจุดสูงสุด” พร้อมย้ำเตือนการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook