อดีต ผบช.น. ก็โดนด้วย! เตรียมชง ผบ.ตร. เชือด 21 ตำรวจบกพร่องคดี "บอส อยู่วิทยา"

อดีต ผบช.น. ก็โดนด้วย! เตรียมชง ผบ.ตร. เชือด 21 ตำรวจบกพร่องคดี "บอส อยู่วิทยา"

อดีต ผบช.น. ก็โดนด้วย! เตรียมชง ผบ.ตร. เชือด 21 ตำรวจบกพร่องคดี "บอส อยู่วิทยา"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจเตรียมสรุปสำนวนสั่งฟ้องคดี "บอส อยู่วิทยา" 3 ข้อหา - เสนอให้ ผบ.ตร.พิจารณาโทษ 21 นายตำรวจที่บกพร่อง รวมถึงอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลด้วย

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการ คดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้สรุปผลการตรวจสอบเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากพบพยานหลักฐานใหม่ ที่นำไปสู่การดำเนินคดีนายวรยุทธ ใน 3 ข้อหา คือ

  1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
  2. ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือฯ และ
  3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย

พร้อมเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พิจารณาข้อบกพร่องข้าราชการตำรวจ รวม 21 นาย แบ่งเป็นตำรวจรายเดิมที่เคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว 11 นาย และตำรวจที่เพิ่งพบความผิดรายใหม่ 10 นาย โดยในจำนวนนี้มีอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ส่วนจะสามารถดำเนินคดีทางอาญาย้อนหลังได้หรือไม่ ต้องพิจารณาอีกครั้ง แต่โทษทางวินัยนั้นไม่สามารถดำเนินการย้อนหลังได้

ส่วนเรื่องผลการสอบสวนพยานใหม่ตามคำสั่งของอัยการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้ สน.ทองหล่อ สอบพยานความเร็ว 4 ปาก และพยานเกี่ยวกับผลการตรวจสารเสพติด 4 ปาก ครบทั้งหมดแล้ว ไม่เกินในสัปดาห์หน้าจะสามารถส่งสำนวนให้อัยการรับไปพิจารณาได้ ส่วนผลความเร็วที่เป็นที่สนใจของสังคม ในส่วนของตำรวจยังยืนยันใช้ผลการคำนวณของกองพิสูจน์หลักฐานเป็นหลัก ส่วนผลการสอบเรื่องการคำนวณความเร็ว พบว่ามีความแตกต่างกัน ซึ่งมีทั้ง 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ผลคำนวณทั้งหมดเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่กฎหมายกำหนดแน่นอน

ทั้งนี้ ยังระบุด้วยว่าเรื่องการทำสำนวนในคดีใหม่นี้ ทางคณะกรรมการฯ ไม่ได้นำพยานเดิมที่อยู่ในสำนวนคดีเก่ามาพิจารณาประกอบเป็นคดีใหม่ เพราะคดีสิ้นสุดไปแล้ว ส่วนการทำสำนวนคดีใหม่ จะยึดหลักผลการสอบพยานและเทคโนโลยีแทน

ด้าน พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะต้องรอให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ถึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการของกองการต่างประเทศ ในการประสานไปยังองค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เพื่อขอให้พิจารณาออกหมายแดง เพื่อสืบหาแหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหาที่หลบหนีในต่างประเทศ ก่อนดำเนินการตามช่องทางส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook