แม่ร่ำไห้ ลูกชายกระโดดโรงแรมที่กักตัวตาย จากกัน 5 ปี อีกไม่กี่วันจะได้เจอหน้า
แม่แรงงานชาวไทยกลับจากทำงานอิสราเอล เสียใจและยังไม่ทราบแรงจูงใจที่ลูกดิ่งโรงแรมเมืองพัทยา ทั้งที่เพิ่งเข้า State Quarantine ได้เพียง 1 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงาน, ประกันสังคม, สำนักงานจัดหางานจ.บุรีรัมย์ และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานบุรีรัมย์ รวมถึง อสม. ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมาให้กำลังใจ นางสายยนต์ อายุ 72 ปี ที่บ้านพัก ตั้งอยู่ ม.6 ต.บ้านยาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ หลังจาก นายพล อายุ 39 ปี ลูกชาย ซึ่งอยู่ระหว่างการพักกักตัวควบคุมโรค ณ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ที่โรงแรมชื่อดังของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้กระโดดอาคารของโรงแรมเสียชีวิต
โดย นางสายยนต์ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า หลังทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่พร้อมกับเล่าว่า ลูกชายไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศอิสราเอล ตามสัญญาจะอยู่ได้ 5 ปี แล้วต่อสัญญาอีก 1 ปี ก่อนหน้านี้ลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่าจะกลับบ้านในวันที่ 25 ส.ค.นี้ แต่ต้องถูกกักตัวอีก 14 วัน
ตนเองดีใจที่จะได้เห็นหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่า 5 ปี แต่จู่ๆ ก็มาทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่แรงงานว่า ลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว เพราะกระโดดโรงแรมในที่กักตัว ตกใจมากเพราะลูกชายไม่เคยส่งสัญญาณอะไรมาก่อน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่หามูลเหตุของการฆ่าตัวตายในครั้งนี้ว่าเป็นเพราะอะไร และทำไมถึงมาฆ่าตัวตายทั้งที่ใกล้จะกลับบ้านแล้ว
ด้าน นางสาวสุทริณี ปิยะสันติกุล รักษาราชการแทนประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นทราบว่า นายพล เคยอยู่ในระบบประกันสังคมมาก่อน แล้วออกจากระบบไปเมื่อเดือน พ.ย.2556 ซึ่งยังมีเงินเก็บสะสมไว้อยู่ประมาณ 40,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ประกันสังคมจะจ่ายให้กับญาติที่ถูกต้องตามกฎหมาย คือพ่อกับแม่ของนายพล ส่วนภรรยาซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสและลูก ตามกฎหมายประกันสังคมแล้วจะไม่มีสิทธิ์รับเงินเยียวยาของประกันสังคม ซึ่งจากนี้ต้องหาทางเยียวยาชวยเหลือในด้านต่างๆ ต่อไป