ผงะผลสอบ "การบินไทย" เจออดีตผู้บริหารทุจริต เล็งเอาผิดวันจันทร์นี้
"ถาวร" เผยผลสอบข้อเท็จจริงปมการบินไทยขาดทุนยับ ชี้มีผู้บริหาร ตั้งแต่รอง-ดีดีเจ้าจำปี มีส่วนทำทุจริต ชงนายกฯ-ป.ป.ช.-ป.ป.ท. เอาผิดจันทร์หน้า
วันที่ 28 สิงหาคม 2563 - นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานแถลงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการที่ทำให้ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ประสบปัญหาการขาดทุนของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานตั้งแต่ ปี 60-62 จนกระทั่งการบินไทยพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจเมื่อ 22 พ.ค.63 ที่ผ่านมา และเมื่อพ้นสภาพทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นว่าทางคณะทำงานที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่มีอำนาจทางกฎหมายจึงสิ้นสุดการตรวจสอบพบว่า มีผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย ตั้งแต่ระดับรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จนถึงระดับรักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่(ดีดี) การบินไทยมีส่วนในการทุจริตทำให้การบินไทยขาดทุนเป็นหมื่นล้านบาท
ดังนั้นตนในฐานะที่มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงจึงได้สรุปผลสอบสวน และจะมีการเสนอผลสอบสวนให้ นายกรัฐมนตรี.,คณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ,สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)ในวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ จากผลสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่าการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 51จากการจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทำให้การบินไทยขาดทุน ไม่ต่ำกว่า 62,803 ล้านบาท จากการขาดทุนในทุกเส้นทางบิน ตั้งแต่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ กรุงเทพ-นิวยอร์ก ในเดือนก.ค.48 จนปลดระวางลำสุดท้ายในปี 56 โดยเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ
1.การบินไทยไม่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามมติ ครม.
2.ปัญหาการจ่ายสินบนของบริษัท โรลส์-รอยซ์ ผ่านนายหน้าคนกลางให้เจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานการบินไทย วงเงินกว่า 245 ล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้ออะไหล่ 7 เครื่องยนต์และการซ่อมบำรุงแบบเหมาจ่าย
และ 3.มีข้อมูลการจ่ายเงินสินบนไม่ต่ำกว่า 5% หรือประมาณ 2,652 ล้านบาท ผ่านนายหน้าคนกลาง ให้กับนักการเมือง เจ้าหน้าที่ และ พนักงานการบินไทย แลกกับการจัดซื้อเครื่องบิน 10 ลำดังกล่าว
นายถาวร กล่าวอีกว่า ยังพบการบริหารงานที่เอื้อประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง โดยระหว่างปี 60-62 การบินไทยขาดทุนรวม 25,659 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงมากเช่น ค่าโอที ที่มีการเบิกเกินความเป็นจริง , การบริหารงานผิดพลาด เช่น การเช่าเครื่องบิน B787-800 จำนวน 6 ลำ โดยแต่ละลำราคาไม่เท่ากันโดยมีส่วนต่างถึง 589 ล้านบาท , มีการจ่ายค่าชดเชยคืนสภาพเครื่องบินแบบเช่าดำเนินงาน รุ่น A330-300 จำนวน 2 ลำ สูงถึง 1,458 ล้านบาท , มีรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้รับเงินค่าตอบแทนเพิ่มพิเศษ เดือนละ 200,000 บาท ผ่านไป 9 เดือนเพิ่มเป็น 600,000 บาท โดยอ้างแนวปฏิบัติที่เคยทำมา นอกจากนี้ยังมีการบริหารงานผิดพลาดและส่อทุจริต ในหลายๆ แผนกของการบินไทย เป็นต้น โดยระบุว่า ข้อมูลมีผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย หลายสิบคนมีส่วนเกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันพบว่า ในปี 60-62 สายการพาณิชย์ไม่มีการจัดทำงบประมาณ แต่ใช้วิธีการกำหนดเปลี่ยนแปลงงบประมาณเองโดยผ่านบอร์ดบริษัทเท่านั้น และมีการขายตั๋วโดยสารในราคาต่ำมาก เฉลี่ยใบละ 6,081 บาท แต่มีจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวบินเกือบ 80% และมีผู้โดยสารถึง 24.51 ล้านคน
แต่กลับมีรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร 149,000 ล้านบาท สาเหตุจากการเอื้อประโยชน์ใหักับตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสาร และผู้บริหารสายการพาณิชย์ได้แต่ตั้งบุคคลใกล้ชิดให้ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายทั่วไปในต่างประเทศ(AA) และกำหนดเป้าหมายรายได้จากการขายเพื่อให้ได้ค่าตอนแทนพิเศษ(Incentive) ตามที่ต้องการ เพื่อให้ AA ส่งรายได้จำนวน 10% ของค่าอินเซนทีฟ เข้าบัญชีกองทุนของผู้บริหารสายงานพาณิชย์และนำเงินในกองทุนดังกล่าวไปจัดสรรและแบ่งปันกันเอง ซึ่งกองทุนดังกล่าวไม่มีระเบียบ ประกาศ หรือกฎหมายของบริษัทฯ รองรับ